‘เศรษฐกิจฮาลาล’ในบริบท‘การท่องเที่ยว’ดัชนีชี้ไทยท็อป5จุดหมายยอดนิยม

เศรษฐกิจฮาลาลโลก หรือ Global Halal Economy ไม่ได้มีแต่เพียงการรับรองมาตรฐานด้านอาหารเท่านั้น แต่ข้อมูลล่าสุดจาก 2025 Mastercard-Crescent Rating Global Muslim Travel Index (GMTI) หรือ ดัชนีนักเดินทางมุสลิมโลก 2568
จัดทำโดยและเผยแพร่โดย Mastercardและ Crescent Rating ระบุว่า นักเดินทางชาวมุสลิมทั่วโลกมีจำนวนถึง 176 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2566 และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 245 ล้านคนภายในปี 2573 นำไปสู่คาดการณ์การใช้จ่ายด้านการเดินทางทั้งหมดจะสูงถึง 230,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลและศักยภาพทางเศรษฐกิจฮาลาลที่คึกคัก
ทั้งนี้ ดัชนี GMTI 2025 ระบุถึง 5 เทรนด์สำคัญที่ส่งผลต่อความต้องการเดินทางของชาวมุสลิมในปัจจุบัน ได้แก่1. แอปพลิเคชันอัจฉริยะสำหรับการเดินทางแบบฮาลาล
“ นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมกำลังเปิดรับเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้เข้าถึงบริการที่สอดคล้องกับศาสนาและประสบการณ์ส่วนบุคคลได้อย่างราบรื่น”
2.นักเดินทางหญิงมุสลิมยุคใหม่: ผู้หญิงกำลังมีอิทธิพลต่อภาคการท่องเที่ยวแบบฮาลาลอย่างทรงพลัง ผลักดันความต้องการพื้นที่ที่ปลอดภัย ครอบคลุม และได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน
3.สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม: จุดหมายปลายทางที่มีสภาพแวดล้อมปลอดแอลกอฮอล์ ร้านอาหารที่ได้รับการรับรองฮาลาล สถานที่ละหมาด และสระว่ายน้ำและสปาที่แยกชายหญิง กำลังกลายเป็นสิ่งจำเป็น
4.การเดินทางคนเดียวพุ่งสูงขึ้น: นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมรุ่นใหม่กำลังเปิดรับการผจญภัยแบบเดี่ยว ให้ความสำคัญกับอิสระและกำหนดการเดินทางแบบส่วนตัว
5.การพักผ่อนแบบปลอดสื่อดิจิทัล(Digital Detox Retreats): นักเดินทางจำนวนมากได้รับแรงบันดาลใจจากค่านิยมอิสลามเรื่องการมีสติและความสมดุล จึงแสวงหาการหลีกหนีจากเทคโนโลยีและดื่มด่ำธรรมชาติและจิตวิญญาณ
ในส่วนจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม รายงาน GMTI 2025 เน้นถึงจุดหมายปลายทางชั้นนำทั่วโลกที่สร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม
โดยสามารถแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่โซนที่เป็นสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม(Organisation of Islamic Cooperation) หรือ OIC พบว่า มาเลเซียยังคงครองอันดับหนึ่ง โดยได้รับการยอมรับในด้านบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม ส่วนตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ครองอันดับสองร่วมกัน
“แต่ละประเทศมีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างมรดกทางวัฒนธรรม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และความพยายามอย่างมากเพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวของชาวมุสลิม”
ขณะที่ลำดับรองๆลงมา อินโดนีเซียก็สามารถใช้แรงสนับสนุนจากเสน่ห์ทางวัฒนธรรมอันรุ่มรวยมาพิชิตใจนักท่องเที่ยวได้ ส่วนจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นอื่นๆ ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ได้แก่ กาตาร์ โอมาน และคูเวต ซึ่งล้วนแต่มีข้อเสนอมากมายและแข็งแกร่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม
รายงานเล่าถึง จุดหมายปลายทางในโซนที่ไม่ใช่สมาชิก OIC พบว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นผู้นำ โดยได้รับการยอมรับในด้านการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและความใส่ใจทางวัฒนธรรม ลำดับที่ 2 คืออังกฤษ ลำดับที่ 3 ฮ่องกง ซึ่งมีการพัฒนาอย่างมากและรวดเร็วเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการเดินทางของชาวมุสลิม ลำดับที่ 3 คือ ไต้หวัน และ ลำดับที่ 5 คือประเทศไทย
“ประเทศไทยและฟิลิปปินส์เป็นกลุ่มประเทศอาเซียนที่พบว่ากำลังก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิมอย่างต่อเนื่องโดยประเทศไทยนำเสนอการต้อนรับอันอบอุ่นและบริการที่ได้รับการรับรองฮาลาลที่เพิ่มมากขึ้น”
ในขณะที่ฟิลิปปินส์กำลังเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ผู้เดินทางชาวมุสลิมผ่านการเข้าถึงอาหารฮาลาลที่ดีขึ้นและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิมในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่อยู่บนทางแยกแห่งความท้าทายจากความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งสงครามการค้า ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ แต่อีกด้านของเศรษฐกิจฮาลาลกำลังมีการพัฒนาและแข่งขันอย่างมาก
ไทยในฐานะที่มีรากฐานทางเศรษฐกิจจากภาคการเกษตร การค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว หากเข้าใจตลาดฮาลาลและพัฒนาทันที ก็จะเป็นอีกกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงได้







