‘วิทัย’ รับโจทย์แก้เงินบาทแข็งค่า ส.อ.ท.ชงคุมธุรกรรมทอง-คริปโท

‘วิทัย’ รับโจทย์แก้เงินบาทแข็งค่า ส.อ.ท.ชงคุมธุรกรรมทอง-คริปโท

ผู้ว่าฯ ธปท.รับข้อเสนอ ส.อ.ท.ดูแลสถานการณ์ค่าเงิน พร้อมดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว “เกรียงไกร” ชี้ค่าเงินกระทบส่งออก-ท่องเที่ยว ชี้แข็งค่ากว่า 7% เสียเปรียบคู่แข่ง ชงซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ-เครดิตเรตติ้ง อุ้มเอสเอ็มอีเข้าถึงทุน เสนอคุมธุรกรรมทองคำ-คริปโทเคอร์เรนซี ป้องกันการฟอกเงิน สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ

KEY

POINTS

  • ธปท.รับข้อเสนอจากภาคเอกชน โดยจะนำไปพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่า
  • ส.อ.ท. ชี้ว่าปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามาจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น และการทำธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการฟอกเงินระหว่างประเทศ
  • ส.อ.ท. เสนอให้หน่วยงานรัฐเข้มงวดการตรวจสอบการส่งออกทองคำ หลังพบว่าการส่งออกไปยังกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ และเชื่อว่าการกำกับดูแลที่เข้มงวดจะช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนลงได้
  • ประธาน ส.อ.ท. ระบุว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่า 7% เมื่อเทียบกับภูมิภาค ทำให้สินค้าส่งออกไทยเสียเปรียบในการแข่งขัน และกระทบรายได้ของประเทศ
  • ภาคเอกชนมองว่าหากค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ จะเป็นระดับที่สมดุลและช่วยผู้ส่งออกได้มาก

 

 

 

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะผู้บริหาร ธปท.ได้เดินทางไปที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2568 เพื่อหารือรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และปัญหาทางธุรกิจ

นายวิทัย กล่าวว่า การนำทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าหารือสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ และรับฟังปัญหาจากภาคธุรกิจโดยตรง

สำหรับการพบกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้ว่าฯ ธปท.ริเริ่มขอเข้าหารือกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ ธปท.ตระหนักดีว่าการฟื้นตัว และการเติบโตทางเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจสำคัญของภาครัฐ และ ธปท.ดังนั้น จึงพร้อมที่จะทำงานร่วมกับภาคธุรกิจ และเอกชนให้มากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

“วันนี้ผมขนทีมงานมาเพื่อรับฟังปัญหา และความคิดเห็นในการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง โดยเรื่องใดที่ ธปท.ดำเนินการได้ทันทีก็จะเร่งดำเนินการ ส่วนเรื่องใดที่ติดขัดหรือมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ก็จะนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”

อย่างไรก็ตาม ธปท.มีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด และจะมีการนัดพบหารือกับภาคเอกชนอย่างเป็นระยะ เพื่อติดตามสถานการณ์ และร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ธปท.พร้อมรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ

สำหรับภารกิจหลักของ ธปท.คือ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 

1.สร้างเสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะดูแลให้เงินเฟ้อในระยะปานกลางอยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน รวมถึงไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด และให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะปานกลาง

2.สร้างเสถียรภาพทางระบบสถาบันทางการเงิน โดยสถาบันการเงินเข้มแข็ง มีความมั่นคง สามารถให้บริการลูกหนี้ ประชาชน และธุรกิจได้ต่อเนื่อง และดูแลไม่ให้เกิดจุดเปราะบางในระบบการเงินสร้างเสถียรภาพทางระบบการชำระเงิน ดูแลให้มีระบบมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ธุรกิจ และภาครัฐ ทั้งด้านความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และด้วยราคาที่สมเหตุผล

“วันนี้เราอยู่ในจุดที่เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจเหมือนกัน และเราจะหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับที่เหมาะสม และเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศดำรงอยู่ได้ ”

3.รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้สอดคล้องปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และไม่ให้ผันผวนมากจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ พร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาผลกระทบ ตลอดจนผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เงินบาทฉุดส่งออก-ท่องเที่ยวไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท.เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้ถือเป็น “นิมิตหมายที่ดี” ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยในภาวะที่โลกผันผวนรุนแรง พร้อมลดช่องว่างการสื่อสาร และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคการเงิน และภาคการผลิต

ทั้งนี้ ธปท.มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ขณะที่ ส.อ.ท.ได้สะท้อนภาพรวมอุตสาหกรรมไทย พร้อมเสนอแนวทาง 4 Go (GO Digital & AI, GO Innovation, GO Global, GO Green) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้า และภาคการผลิต โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุดในระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญ คือ ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า 7% เมื่อเทียบภูมิภาค ขณะที่เงินเวียดนามอ่อนค่ากว่า 3% ทำให้ช่องว่างการแข่งขันห่างกันเกือบ 10% สินค้าส่งออกไทยที่มีกำไรไม่มากจึงเสียเปรียบประเทศคู่แข่งเห็น โดยรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 60% ของ GDP

ขณะเดียวกันกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า GDP ไทย ปี 2569 จะโตเพียง 1.6% จากผลกระทบด้านการส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มชะลอตัวจากภาวะค่าครองชีพสูง นักท่องเที่ยวระวังใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้อีก 2-3 ล้านคน

“เงินบาทแข็งเกินไปทำให้รายได้ประเทศลดลง การแข่งขันในตลาดโลกเสียเปรียบ และยังส่งผลต่อการจ้างงาน และเศรษฐกิจในวงกว้าง” นายเกรียงไกร กล่าว

ดันซอฟต์โลน–เครดิตเรตติ้งชุมชน

ทั้งนี้ ส.อ.ท.เสนอแนวทางให้ ธปท.และสถาบันการเงินพิจารณา “ซอฟต์โลน” ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือ SME โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีวินัยการเงินดี เช่น ไม่ค้างชำระค่าน้ำค่าไฟ หรือมีเครดิตชุมชนที่ดีควรได้รับแต้มต่อในการกู้ยืม

พร้อมกันนี้เสนอให้จัดตั้ง “กองทุนเอสเอ็มอีนวัตกรรมการเงิน” โดยเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุนเพื่อให้ผู้ประกอบการที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อปกติสามารถเข้ามาขอทุนสนับสนุนได้ เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันผู้ขายต้องขายแบบเครดิตแต่ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินสด ทำให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง การออกแบบระบบสินเชื่อแบบใหม่จึงเป็นเรื่องจำเป็น

"วิทัย" รับโจทย์แก้บาทแข็งค่า

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ว่าฯ ธปท.รับข้อเสนอภาคเอกชน โดยจะนำไปพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยทั้งจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น และการทำธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งอาจเชื่อมโยงการฟอกเงินระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ส.อ.ท.เคยเสนอให้หน่วยงานรัฐเข้มงวดการตรวจสอบการส่งออกทองคำ หลังพบว่าปี 2566 มีการส่งออกไปกัมพูชา 12,000 ล้านบาท และปี 2567 พุ่งหลักแสนล้านบาท ดังนั้น ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจัดระเบียบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งได้ดำเนินการเทรดทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์แล้ว และจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้

“เมื่อช่วงเดือนก่อนที่เอกชนพบความผิดปกติของการส่งออกทองคำไปเยอะๆ และเมื่อชี้จุดมีการเข้ามาตรวจสอบเข้มงวด ทำให้ค่าเงินบาทลดลงมาได้บ้าง ดังนั้น หากควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวดก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้”

นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนต้องทำงานร่วมกันทั้งรัฐเอกชน และธนาคารกลาง โดยหากค่าเงินอยู่ระดับ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ จะช่วยผู้ส่งออกได้มาก และเป็นระดับที่สมดุลระหว่างเสถียรภาพเศรษฐกิจกับการแข่งขัน

ดัน “เมดอินไทยแลนด์” หนุนคนละครึ่งพลัส

นอกจากนี้ ส.อ.ท.เสนอให้ภาครัฐเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็น “สินค้าเมดอินไทยแลนด์” จาก 30% เป็น 50% เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ และสร้างรายได้ให้เอสเอ็มอีโดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณเพิ่มเติม พร้อมสนับสนุนโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า มีร้านค้าร่วมโครงการกว่า 300,000 ร้านทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ส.อ.ท.เห็นด้วยกับนโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐบาลที่ต้องเห็นผลใน 4 เดือน โดยเฉพาะมาตรการด้านพลังงาน เช่น ลดราคาน้ำมัน ส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชน ซึ่งช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำลังซื้อ และดัน GDP ขยายตัวได้อีก 1% รวมถึงมาตรการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติภาคการท่องเที่ยวจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่เป็นอีกหัวใจสำคัญของ GDP

รวมทั้ง ส.อ.ท.เห็นด้วยกับนโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐบาลที่ต้องเห็นผลใน 4 เดือน โดยเฉพาะมาตรการด้านพลังงาน เช่น ลดราคาน้ำมัน ส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำลังซื้อ และดัน GDP ขยายตัวได้อีก 1% 

 

 

อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์