“พาณิชย์” ผนึกห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ ลดราคาสินค้า รับ “คนละครึ่งพลัส”

พาณิชย์ จับมือ สมาคมการค้าส่งค้าปลีกฯ และเครือข่ายห้างค้าปลีกกว่า 90 รายทั่วประเทศ จัดแคมเปญ ‘รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย’ ระหว่างวันที่ 1–15 พ.ย.68 ลดราคาสูงสุด 60% คาดสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมจับมือ depa และ SME D Bank เสริมแกร่งผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งด้านทักษะดิจิทัล และแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือจากสมาคมการค้าส่งค้าปลีกแห่งประเทศไทย และเครือข่ายผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่ และห้างสรรพสินค้ากว่า 90 ราย ซึ่งมีสาขารวมกันมากกว่า 800 แห่ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จัดกิจกรรม ‘รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย’ ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพสูงสุดถึง 60% ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ
โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-15 พ.ย.2568 ซึ่งจะสอดคล้องกับโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ของรัฐบาลซึ่งเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในวันที่ 20 ต.ค.2568 และจะเริ่มใช้จ่ายได้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังสามารถใช้สิทธิร่วมกับส่วนลดในโครงการนี้ได้ทันที
“ตลอดระยะเวลา 15 วันของแคมเปญ จะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และสามารถลดค่าครองชีพประชาชนได้กว่า 1,000 ล้านบาท ประชาชนสามารถซื้อสินค้าในราคาส่วนลดสูงสุด 60% ตั้งแต่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ไปจนถึงร้านค้าโชห่วยในชุมชน”
อย่างไรก็ตาม นอกจากการลดราคาเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นแล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับ 2 หน่วยงาน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย SME D Bank เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจท้องถิ่น
โดย depa จะเข้ามามีบทบาทในการยกระดับทักษะด้านดิจิทัล (Up-skill และ Re-skill) ให้กับผู้ประกอบการ SME และร้านค้าโชห่วย เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถทดลองใช้โปรแกรมสำหรับบริหารจัดการร้านค้าได้ฟรี เพื่อเรียนรู้ และปรับใช้เทคโนโลยีในการลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการสนับสนุนเงินทุน 50% ของค่าใช้จ่าย หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เพื่อลดภาระการลงทุนเริ่มต้น
ขณะที่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank ) การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อยเสมอมา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ SME D Bank ได้จัดทำโครงการสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ โดยเสนอสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยคงที่ เพียง 3% ต่อปี เป็นระยะเวลานานถึง 3 ปี รองรับผู้ประกอบการทุกขนาด ตั้งแต่รายเล็กที่มีวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ไปจนถึงรายที่ใหญ่ขึ้นด้วยวงเงินสูงสุดถึง 30 ล้านบาท
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกฯ กิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า สถานการณ์การค้าโชห่วย กว่า 4 แสนรายทั่วประเทศ เริ่มอ่อนแรงอยู่ในภาวะติดลบ จากกำลังซื้อที่ลดลง และเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วโดยเฉพาะการค้าออนไลน์ มาเพิ่มส่วนแบ่งการค้าตรงนี้ไป ทำให้โชห่วย ต้องปรับตัว ส่งต่อให้ทายาทรุ่นใหม่ สืบทอด เริ่มทำออนไลน์ควบคู่ไปด้วย
โดยมาตรการ คนละครึ่ง พลัส เชื่อว่า จะกระตุ้นรายได้ในร้านโชห่วย ได้ดีกว่ารอบที่แล้ว เพราะเข้ามาแก้ปัญหาได้ถูกเวลา และตรงจุด ภายใต้งบประมาณที่มี ซึ่งจะได้รับประโยชน์ทั้งโชห่วยรายย่อย ที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบนิติบุคคล ไปลงทะเบียนรับเงินคนละครึ่งพลัส
ส่วนที่อยู่ในระบบนิติบุคคล จะได้รับประโยชน์จากการเป็นร้านธงฟ้า ซึ่งจะรองรับการใช้จ่ายของ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 1,700 บาทเช่นกัน แต่อยากให้เป็นเพียงมาตรการเยียวยาระยะสั้น หรือเป็นยาแก้ปวด บรรเทาอาการป่วยชั่วคราว เพราะสิ่งสำคัญที่รัฐบาล วางรากฐานระยะยาวซึ่ง ข้อดีคนละครึ่งพลัส คือ มีฐานข้อมูล จัดกลุ่มผู้ประกอบการได้แล้ว เช่น กลุ่มที่อยู่ในระบบนิติบุคคล และร้านหาบแร่แผงลอย หลังจากนี้ อยากให้หามาตรการต่อยอดดูแล ทั้งมาตรการทางภาษี / และการส่งเสริมอบรม เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้มแข็งขึ้น และยกระดับเข้าสู่ระบบนิติบุคคลได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







