ป.ป.ช. ยุติคดี 'โรลส์-รอยซ์' 7 ปี คืนความบริสุทธิ์อดีตผู้บริหาร 'ปตท.'

ป.ป.ช. ยุติคดี 'โรลส์-รอยซ์' 7 ปี คืนความบริสุทธิ์อดีตผู้บริหาร 'ปตท.'

ป.ป.ช.เอกฉันท์ “ตีตก” ข้อกล่าวหาอดีตผู้บริหาร ปตท. คดีโรลส์-รอยซ์ — ชี้ไม่พบการเอื้อประโยชน์ หรือรับสินบนในโครงการก๊าซขนาดใหญ่ "PCS–ESP–GSP6"

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 9.30 น. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดการประชุมองค์คณะไต่สวนเพื่อพิจารณาคดีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และเจ้าหน้าที่ของรัฐในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อาจมีการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่บริษัท Rolls-Royce Energy System Inc. ในการจัดซื้อเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในโครงการสำคัญหลายรายการของ ปตท.

คดีนี้ครอบคลุมสองสำนวนหลัก คือ โครงการติดตั้งเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) คดีหมายเลขดำที่ 07-3-530/2560 และโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) คดีหมายเลขดำที่ 07-3-531/2560 ซึ่งองค์คณะไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้พิจารณาอย่างละเอียดถึงข้อกล่าวหา พยานหลักฐาน และเส้นทางการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกตั้งข้อสงสัยมาตั้งแต่ปี 2560

รายชื่อผู้ถูกกล่าวหา และตำแหน่งในขณะเกิดเหตุ

ในคดีโครงการติดตั้งเครื่องเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) ผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย

1. นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และประธานกรรมการอำนวยการบริหารจัดการธุรกิจก๊าซธรรมชาติ

2. นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารโครงการ

3. นายสุวนันท์ ชาติอุดมพันธ์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ

4. นายสมชาย สินทราพรรณทร อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่จัดหา และจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ

5. นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่วางแผน

6. นายบวรเดช โกมลวาจ อดีตผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างติดตั้งเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติ

ส่วนในคดีโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย ได้แก่

1. นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ (ซ้ำกับคดีแรก)

2. นายวิชัย พรกีรติวัฒน์

3. นายสุชาติ เทวีทิวารักษ์ อดีตผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซอีเทน

ผลการไต่สวน: ไม่พบการเอื้อประโยชน์ หรือ เรียกรับสินบน

จากการตรวจสอบเชิงลึกขององค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. พบว่า การจัดซื้อชุดเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) และการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) ซึ่งใช้วิธีพิเศษจากบริษัท Rolls-Royce Energy System Inc. นั้น “ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ หรือ เกิดความเสียหายแก่ ปตท.”

คณะกรรมการพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินโครงการเป็นไปตามขั้นตอนทางธุรกิจ และกฎระเบียบภายในของรัฐวิสาหกิจ ไม่มีพฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหากระทำการใดเพื่อให้ Rolls-Royce ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง หรือ เรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ จากบริษัทเอกชนดังกล่าว

ในส่วนของการกล่าวหาว่ามีการจ่ายค่าตอบแทน หรือ “คอมมิชชั่น” ผ่านบุคคลที่สามนั้น องค์คณะได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินทั้งใน และต่างประเทศ แต่ไม่พบหลักฐานยืนยันการรับสินบนโดยตรงของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด จึงเห็นว่า ข้อกล่าวหาไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะชี้มูลได้

การพิจารณาเพิ่มเติม: โครงการ GSP-6 และผลต่อเนื่องจากคดีเก่า

องค์คณะไต่สวนยังได้ขยายผลตรวจสอบในส่วนของ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 (GSP-6) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจาก ESP และมีผู้บริหารชุดเดียวกันรับผิดชอบ ผลการพิจารณาพบว่าไม่ปรากฏพฤติการณ์อันเข้าข่ายการทุจริต หรือ การเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทคู่สัญญา จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปเช่นเดียวกัน

ก่อนหน้านี้ ในปี 2566 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ “ไม่รับไว้ไต่สวน” สำหรับ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 (GSP-5) และ โครงการเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติบนบก (OCS3) หลังตรวจสอบแล้วไม่พบมูลเหตุที่เพียงพอจะต้องดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นการยุติคดีในส่วนดังกล่าวตั้งแต่ชั้นต้น

เมื่อรวมผลการพิจารณาทั้งหมด จึงทำให้คดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ปตท. ครอบคลุมโครงการหลักทั้ง 5 ได้แก่ GSP-5 OCS3 PCS ESP และ GSP-6 มีข้อยุติครบถ้วน

มติเอกฉันท์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ผลการพิจารณาทั้งหมดได้รับการเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่พิจารณาเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 โดยมีกรรมการเข้าร่วมครบองค์ประชุม ได้แก่

1. นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช.

2. นายวิทยา อาคมพิทักษ์

3. นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ

4. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ

5. นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์

6. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง

7. นายประภาศ คงเอียด

ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ข้อกล่าวหาตกไปทั้งหมด โดยระบุว่า “ไม่ปรากฏพฤติการณ์การทุจริตต่อหน้าที่ หรือ การเอื้อประโยชน์แก่เอกชน และไม่พบการเรียกรับสินบนจากบริษัท Rolls-Royce Energy System Inc.” สะท้อนความหมาย และผลทางระบบ

การยุติคดีนี้ด้วยมติเอกฉันท์ถือเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการไต่สวนที่ใช้เวลานานกว่า 7 ปี นับตั้งแต่คดีหมายเลขดำแรกในปี 2560 และเป็นกรณีตัวอย่างของการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบด้านในคดีที่มีมูลค่าการจัดซื้อระดับหลายพันล้านบาท

ในเชิงระบบ มติดังกล่าวช่วยคลี่คลายแรงสั่นสะเทือนที่เคยกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน และสะท้อนถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ใช้หลักฐานและพยานเชิงประจักษ์เป็นที่ตั้ง โดยไม่เร่งรัดสรุปผลก่อนการตรวจสอบครบถ้วน

แหล่งข่าวในวงการพลังงานให้ความเห็นว่า การมีมติ “ไม่มีมูล” ในโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจต่อองค์กร แต่ยังสะท้อนความเข้มแข็งของกลไกตรวจสอบภาครัฐ ที่สามารถแยกแยะระหว่าง “การดำเนินธุรกิจตามหลักวิชาชีพ” กับ “การกระทำอันมิชอบ” ได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม มติของ ป.ป.ช. ครั้งนี้แม้จะเป็นการยุติคดี แต่ก็ทิ้งบทเรียนสำคัญไว้ในด้านธรรมาภิบาลองค์กร และการบริหารจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐขนาดใหญ่ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การตรวจสอบที่กินเวลาหลายปี ตั้งแต่ข้อสงสัยเรื่องการจ่ายเงินคอมมิชชั่นผ่านบริษัทในต่างประเทศ การสืบหาพยานเอกสาร การสอบสวนผู้บริหารระดับสูง ไปจนถึงการลงมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือกระบวนการที่สะท้อนว่าความโปร่งใสและหลักฐานคือหัวใจของความยุติธรรม

ท้ายที่สุด มติ “ไม่มีมูล” ที่ครอบคลุมโครงการ PCS ESP และ GSP6 รวมถึงการ “ไม่รับไว้ไต่สวน” สำหรับ GSP5 และ OCS3 คือเครื่องยืนยันว่า การตรวจสอบตามกระบวนการที่รอบคอบ ย่อมสามารถคืนความเชื่อมั่นให้กับทั้งองค์กรและสังคม และเป็นอีกหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์ของการปราบปรามการทุจริตในประเทศไทย ที่ไม่เพียงพิสูจน์ความผิด แต่ยังคืนความเป็นธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์