สทนช.ย้ำการจัดจราจรน้ำท้ายฤดูฝนอย่างประณีต ลดท่วม รักษาเขื่อน กักเก็บให้ฤดูแล้ง

สทนช.ย้ำการจัดจราจรน้ำท้ายฤดูฝนอย่างประณีต ลดท่วม รักษาเขื่อน กักเก็บให้ฤดูแล้ง

สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำท้ายฤดูฝน เร่งระบายน้ำพื้นที่ท่วมขัง ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเพื่อรักษาความปลอดภัย ต้องเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอในฤดูแล้ง

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ตั้งแต่ วันที่ 17 ตุลาคม 2568 จะต้องเฝ้าระวังฝนตกมากขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ โดยกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าประมาณปลายเดือนตุลาคมก็จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ เริ่มคลี่คลายลง

สทนช.ย้ำการจัดจราจรน้ำท้ายฤดูฝนอย่างประณีต ลดท่วม รักษาเขื่อน กักเก็บให้ฤดูแล้ง

 

สำหรับสถานการณ์น้ำในแต่ละเขื่อนขณะนี้เริ่มควบคุมบริหารจัดการได้ ถึงแม้ว่าหลายเขื่อนจะมีปริมาณมากใกล้เต็มความจุเก็บกัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นต้น แต่ก็สามารถปรับการระบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝน ปริมาณน้ำท่าในพื้นที่ต่าง ๆ โดยต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้อย่างเพียงพอในฤดูแล้งด้วย

ในขณะที่สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาปัจจุบัน มีน้ำไหลผ่านสถานีC.2อำเภอเมืองนครสวรรค์ที่อัตรา2,645ลบ.ม. ต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา+16.07เมตรจากระดับทะเลปานกลางปัจจุบันมีการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา 2,300ลบ.ม.ต่อวินาที

จากสถานการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมจึงร่วมกันพิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำในแต่เขื่อน โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิตติ์แบบขั้นบันได จากเดิม 30 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เป็น25และ20ล้าน ลบ.ม.ต่อวันตามลำดับ เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนให้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนภูมิพล จากเดิม 5ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เป็น 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำมีน้ำใช้ในการเกษตรได้อย่างเพียงพอ

โดยหากสถานการณ์ฝนช่วงสองสามวันนี้ผ่านไปก็จะต้องมาปรับแผนเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึงในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้กันอีกครั้ง สำหรับสถานการณ์ฝนที่จะเคลื่อนตัวลงพื้นที่ภาคใต้นั้น ที่ประชุมก็ได้มีการเตรียมการรองรับสถานการณ์ไว้ด้วยแล้ว ได้แก่ การเฝ้าติดตามและคาดการณ์สถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำในพื้นที่ต่างๆ การเตรียมการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนบางลาง เป็นต้น

“จากการที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและพื้นที่ประสบอุทกภัย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา และพบว่ายังมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำที่เป็นทุ่งรับน้ำ จึงได้หารือกรมชลประทานให้วางแผนระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังเหล่านั้นโดยต้องไม่ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ให้พิจารณาปรับแผนการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อลดระดับน้ำในลำน้ำสาขาต่างๆ จนสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังได้” เลขาธิการ สทนช. กล่าว