‘บอร์ดบีโอไอ’ เร่งรัดลงทุน แก้ 3 อุปสรรคดัน 70 โครงการ 3 แสนล้าน

‘บอร์ดบีโอไอ’ เร่งรัดลงทุน แก้ 3 อุปสรรคดัน 70 โครงการ 3 แสนล้าน

‘บอร์ดบีโอไอ’ อนุมัติมาตรการเร่งรัดลงทุน แก้ 3 อุปสรรค ดัน 70 โครงการใหญ่ 3 แสนล้านบาท เริ่มลงทุนใน 4 เดือน เปิดกลไก ‘Thailand Fast Pass’ เล็งกลุ่มโครงการขนาดใหญ่ในอุตฯ เป้าหมาย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ครั้งที่ 1/2568 ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ว่า การประชุมในวันนี้ได้มีการอนุมัติมาตรการเร่งรัดการลงทุน โดยเน้นการโครงการที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มลงมือลงทุนให้สามารถดำเนินการได้เร็วที่สุดภายในเวลา 4 เดือน

โดยเฉพาะโครงการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น กลุ่มดาต้าเซนเตอร์ กลุ่มไฟฟ้า และพลังงาน และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก รวมถึงโครงการในอุตสาหกรรมเป้าหมายกว่า 70 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 300,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ บอร์ดบีโอไอได้อนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา และอุปสรรค ซึ่งจะเข้าไปช่วยประสานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่นักลงทุนยังติดค้างอยู่ ประกอบไปด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. ปัญหาไฟฟ้า 2. ปัญหาด้านพื้นที่ ที่รองรับการลงทุน และ 3. ปัญหาด้านวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน 

โดยมีเลขาธิการบีโอไอ เป็นประธาน เพื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปลดล็อกอุปสรรคเหล่านี้โดยเร็ว รวมทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของใบอนุญาตต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งมีจำนวนมาก บีโอไอจะช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งรัดใบอนุญาตเหล่านี้ เพื่อให้โครงการสามารถเริ่มต้นได้เร็วที่สุด

 

นอกจากมาตรการเร่งรัดโครงการปัจจุบันแล้ว จะมีการจัดทำกลไกที่เรียกว่า "Thailand Fast Pass" ซึ่งเป็นกลไกที่จะใช้ต่อเนื่องในระยะยาว เพื่อกระตุ้น และเร่งรัดโครงการสำคัญที่จะเข้ามาในอนาคตให้เริ่มต้นลงทุนได้เร็วที่สุด

โดยโครงการที่จะมีสิทธิได้รับ Thailand Fast Pass มีการกำหนดหลักเกณฑ์เบื้องต้น คือ เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ มูลค่าลงทุนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น  เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์ และชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ ดิจิทัล และAI เป็นต้น และต้องมีการสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจ้างงาน หรือการเชื่อมโยงกับซัพพลายเชนในประเทศ

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอ เห็นชอบการเปิดให้การส่งเสริมการลงทุน “กิจการผลิตส่วนประกอบหลักของเซลล์แบตเตอรี่สำหรับแบตเตอรี่ความจุสูง (High Density Battery)” ได้แก่ ขั้วแคโทด (Cathode) ขั้วแอโนด (Anode) อิเล็กโตรไลต์ (Electrolyte) และตัวแยกขั้วไฟฟ้า (Separator)

ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน โดยมีเป้าหมายดึงดูดผู้ประกอบการชั้นนำของโลกที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ และซัพพลายเชนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้ามาลงทุนตั้งฐานผลิตในไทย เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่มูลค่าอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าให้ครบวงจร และแข่งขันได้ในระดับโลก โดยการลงทุนในกิจการดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี  

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 2 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และการแพทย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ได้แก่

1. บริษัท ฮิตาชิ แอสเตโม เอเชีย จำกัด โครงการผลิต PCU Inverter สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา มูลค่าลงทุน 3,500 ล้านบาท 

2. บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) โครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง (เคมีบำบัดและรังสีวิทยา) ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มูลค่าลงทุน 3,496 ล้านบาท โครงการนี้เป็นศูนย์โปรตอนแห่งที่ 2 ของไทยที่เน้นการรักษาด้วยอนุภาคโปรตอน

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ท่านรองนายกฯ ได้เน้นย้ำในเรื่อง "Quick Big Win" การลงทุน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการ และเร่งแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนโดยด่วน เนื่องจากขณะนี้มีเวลาเหลืออยู่ไม่มาก

“ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาหลักคือ ความล่าช้าในเรื่องของการขออนุญาตการลงทุนต่างๆ ซึ่งรวมถึง การขออนุญาตโรงงาน (รง. 4) และการขออนุญาตจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการที่ต้องทำประชาพิจารณ์ที่อาจทำให้เกิดความล่าช้า”

โดยท่านรองนายกฯ ได้ใช้วิธีการแบ่งกลุ่มเพื่อหารือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที เพื่อให้สามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์