พาณิชย์ เปิดข้อมูลตลาดรถยนต์ไฟฟ้า "BYD"ยังครองตลาดเบอร์ 1 ของจีน

พาณิชย์ เปิดข้อมูลตลาดรถยนต์ไฟฟ้า "BYD"ยังครองตลาดเบอร์ 1 ของจีน

พาณิชย์ เผย  ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนแข่งขันสูง หลังคนจีนนิยมซื้อมากขึ้น ค่ายรถยนต์ นำเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับขี่อัจฉริยะมาใช้ในรถรถที่ราคาย่อมเยาว์ เพื่อตอบโจทย์ และเรียกลูกค้าให้มากขึ้น

KEY

POINTS

  • BYD ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีน โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 31.7% ในเดือนมิถุนายน 2025
  • แบรนด์จีนอย่าง BYD, Geely และ Changan ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน ในขณะที่ Tesla มียอดขายและส่วนแบ่งตลาดลดลง
  • ความสำเร็จของ BYD มาจากการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการมีผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าครอบคลุมหลายกลุ่มตลาด
  • ผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า โดยรถยนต์ NEV ในช่วงราคา 100,000-150,000 หยวน ได้รับความนิยมสูงสุด

เว็ปไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน  ประเทศจีน รายงานสถานการณ์รถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle : NEV) ว่า  ยอดขายรวมในประเทศและส่งออกของรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle : NEV) ของจีนในปี 2025 จะสูงถึง 16.5 ล้านคัน เติบโต 30% โดยในไตรมาสที่สองของปี 2024 รถพลังงานใหม่มีสัดส่วนการครองตลาดภายในประเทศถึง 55% และในครึ่งแรกของปี 2025 ผู้บริโภคที่เลือกใช้รถพลังงานใหม่มีสัดส่วนเกิน 60% 

ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นตลาดหลักของรถยนต์พลังงานใหม่ โดยในไตรมาสที่สองของปี 2025 จีนมีสัดส่วนตลาดถึง 63% ของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลก โดยมียี่ห้อชั้นนำ อาทิ ( 比亚迪Biyadi : BYD) ครองแชมป์ด้วยส่วนแบ่งตลาด 22% ตามมาด้วย ยี่ห้อGeely (吉利: Jili ) อยู่ที่ 10% ขณะที่ ยี่ห้อTesla ยอดขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนถึง 13% และส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 8% สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์จีนก้าวขึ้นมาเป็นบทบาทผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อย่างชัดเจน

จากข้อมูลพบว่า ในปี 2023 ผู้บริโภคที่ซื้อรถใหม่มากกว่า 50% เห็นว่า การซื้อรถไม่ได้เป็นเพียง “ซื้อครั้งแรกเพื่อทดลอง” อีกต่อไป แต่เป็น “การอัปเกรดคุณภาพ” เพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริง และคาดว่าผู้บริโภคที่มีแนวคิดเช่นนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ภายในปี 2030

ช่วงราคาของรถยนต์พลังงานใหม่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ที่ 100,000-150,000 หยวน (456,000-600,000 บาท) ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้งานจริง ทำให้ผู้ผลิตเร่งนำเทคโนโลยีจากรุ่นราคาสูงมาใส่ในรุ่นราคาย่อมเยามากขึ้นโดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีจำนวนกว่า 250 ล้านคน และมีกำลังซื้อรวมกว่า 5.97 ล้านล้านหยวน (27.08 ล้านล้านบาท)

ทั้งนี้ ผู้บริโภคกลุ่มนี้ถึง 70% เห็นว่า แบตเตอรี่สำหรับระยะทางขับขี่ 400–500 กิโลเมตร เพียงพอต่อการใช้งานประจำวัน และมีเพียงส่วนน้อยที่ต้องการให้แบตเตอรี่รองรับระยะขับขี่ 600 กิโลเมตร นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังให้ความสนใจต่อรูปแบบการขับขี่อัจฉริยะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเพียง 5% ในกลางปี 2023 สู่ 12% ในกลางปี 2024

ในช่วงต้นปี 2025 บริษัทรถชั้นนำของจีน เช่น BYD, Changan และ Geely ได้ร่วมกันขับเคลื่อนกระแส “เทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะเพื่อทุกคน” (Smart Driving for All) ทำให้ในปัจจุบันรถที่ติดตั้งระบบช่วยขับบนทางด่วนมีราคาไม่ถึง 100,000 หยวน (456,000 บาท) และรถที่ติดตั้งระบบช่วยขับขี่ในเขตเมือง ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 200,000 หยวน (912,000 บาท)  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของการเข้าถึงเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ

ช่วงราคาของรถยนต์พลังงานใหม่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ที่ 100,000-150,000 หยวน (456,000-600,000 บาท) ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้งานจริง ทำให้ผู้ผลิตเร่งนำเทคโนโลยีจากรุ่นราคาสูงมาใส่ในรุ่นราคาย่อมเยามากขึ้นโดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีจำนวนกว่า 250 ล้านคน และมีกำลังซื้อรวมกว่า 5.97 ล้านล้านหยวน (27.08 ล้านล้านบาท)

ยอดขายปลีกรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในเดือนมิ.ย.ปี 2025 โดยยี่ห้อ BYD ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 31.7% อันดับที่สองคือยี่ห้อ Geely มีสัดส่วนตลาด 10.3% และยี่ห้อ Changan ครองอันดับสาม มีสัดส่วนตลาด 6.9% ส่วนผู้ผลิตรายสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ Tesla China 5.5%, HIMA 4.7%, และ SAIC-GM-Wuling 4.6% 

ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายใหม่อย่าง Leapmotor และ Seres มีสัดส่วนตลาดใกล้เคียงกันที่ 4.0% ตามด้วย Chery 3.6% และ Li Auto 3.3% ในภาพรวม ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนยังคงแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยยี่ห้อ BYD ยังคงมียอดขายที่ครองอันดับหนึ่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ

ยี่ห้อ BYD (比亚迪Biyadi ) ยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ความสำเร็จของบริษัทเกิดจากการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลายกลุ่มตลาด โดยรุ่นยอดนิยมอย่าง Dolphin และ Seal ที่ใช้ Blade Battery และระบบขับขี่อัจฉริยะ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและเสนอราคาที่คุ้มค่าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศ 

ยี่ห้อ 长安(Changan) ผู้ผลิตรถยนต์ของภาครัฐ มีจุดเด่นในเรื่องราคาที่เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง เช่น รุ่น Lumin Corn และ Deepal EV โดยได้รับความสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้มีความมั่นคงด้านทรัพยากรและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน 

ยี่ห้อ Geely(吉利Jili) เดินหน้ากลยุทธ์ส่งเสริมแบรนด์และรุกตลาดส่งออก ด้วยรุ่นอย่าง Coolray, Geometry และ Zeekr ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบขับขี่อัจฉริยะ จุดแข็งคือความคล่องตัวในการออกแบบและสร้างแบรนด์ระดับกลางถึงพรีเมียม ทำให้ยอดขาย NEV มีสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่งของยอดขายรวม แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการการแข่งขันภายในเครือแบรนด์ที่หลากหลาย และการรักษามาตรฐานคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้างต่อไป

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน  ให้ความเห็นว่า   ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนในปี 2025 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น BYD, Geely และ Changan ยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมหลายระดับราคาพร้อมนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับขี่อัจฉริยะมาใช้ในรถรถที่ราคาย่อมเยาว์ ทำให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น โดยข้อมูลช่วงราคาที่ได้รับความนิยมสะท้อนว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อความคุ้มค่าและการใช้งานจริง

สำหรับผู้ประกอบการไทยอาจใช้กลยุทธ์ของแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง อาทิ การให้ความสำคัญต่อการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน และการสร้างแบรนด์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบด้านผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคา การใช้เทคโนโลยีการผลิต เพื่อวางแผนส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถแข่งขันและตอบสนองความต้องการของตลาดเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม และอาจพิจารณาหาโอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าจีนเพื่อขยายตลาดต่อไป