ข้อตกลงการค้า "สหราชอาณาจักร-อินเดีย" หนุนซัพพลายอัญมณี - เครื่องประดับ

ความตกลงทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและอินเดีย หนุนมูลค่าการค้าอัญมณีและเครื่องประดับอินเดียไปยังสหราชอาณาจักรขยายตัวจาก941 ล้านดอลลาร์ เป็น 2,500 ล้านดอลลาร์ ภายใน 3ปี ขณะที่ไทยได้รับอานิงสงค์ เป็นซัพพลายเออร์วัตถุดิบให้กับอินเดีย
KEY
POINTS
- สหราชอาณาจักรและอินเดียลงนามข้อตกลงการค้า โดยยกเลิกภาษีนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับจากอินเดียซึ่งเดิมอยู่ที่ 4%
- ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะผลักดันการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียไปยังสหราชอาณาจักรให้เติบโตจาก 941 ล้านดอลลาร์ เป็น 2,500 ล้านดอลลาร์ ภายใน 3 ปี
- ผู้ค้าปลีกในสหราชอาณาจักรจะสามารถเข้าถึงซัพพลายจากอินเดียได้มากขึ้น ขณะที่แบรนด์เครื่องประดับอินเดียเริ่มขยายสาขาในอังกฤษเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
- ไทยสามารถเป็นซัพพลายเออร์วัตถุดิบ เช่น พลอยสี เงิน ให้กับโรงงานอินเดีย
การลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและอินเดียเมื่อเดือนก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญระหว่างสองประเทศ ความตกลงนี้จะยกเลิกภาษีนำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีจากอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องเสียภาษีนำเข้าสูงถึง 4 %โดยก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งเดือนสหรัฐฯ ได้ประกาศเก็บภาษีสินค้าอินเดีย 50 % ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องประดับของอินเดียอย่างหนัก ส่งผลให้ผู้ส่งออกอินเดียต้องหาตลาดใหม่ทดแทน โดยสหราชอาณาจักรถูกมองเป็นเป้าหมายหลัก
สภาส่งเสริมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดีย (the Gem and Jewellery Export Promotion Council: JEPC) ระบุว่าความตกลงนี้จะช่วยผลักดันการส่งออกอินเดียไปยังสหราชอาณาจักรให้ขยายตัวจาก 941 ล้านดอลลาร์ เป็น 2,500 ล้านดอลลาร์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดย JEPC เห็นว่าอินเดียมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย สามารถแข่งขันกับจีนและอิตาลีได้ ทั้งนี้ JEPC มองว่าการยกเลิกภาษีนำเข้าจะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอินเดียในสหราชอาณาจักรกว่า 1.9 ล้านคน ซึ่งเดิมนิยมบินกลับไปซื้อเครื่องประดับจากอินเดีย ให้หันมาซื้อเครื่องประดับในสหราชอาณาจักรแทน
ที่ผ่านมาแบรนด์เครื่องประดับอินเดียเริ่มขยายสาขาในอังกฤษอย่างต่อเนื่อง เช่น แบรนด์ Malabar Gold & Diamonds ที่เปิดโชว์รูมใหม่ในเมืองเบอร์มิงแฮม เมื่อเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา ขณะที่ แบรนด์ Kalyan Jewellers เตรียมเปิดสาขาแรกในเมืองเลสเตอร์ภายในปีนี้ และวางแผนเปิดสาขาในเบอร์มิงแฮม และ ลอนดอน ทั้งนี้ ความตกลงทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและอินเดียนี้ จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือระหว่างดีไซน์เนอร์ของสหราชอาณาจักรกับผู้ผลิตอินเดียอีกด้วย
สมาคมผู้ค้าจิวเวลรี่แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (the National Association of Jewellers: NAJ) เห็นว่า ความตกลงนี้เป็นโอกาสสำหรับผู้ค้าปลีกในสหราชอาณาจักรในการเข้าถึงซัพพลายจากอินเดียมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นแรงผลักดันให้ผู้ผลิตในประเทศ กลับมาเน้นจุดขายของงานฝีมืออังกฤษ โดย NAJ เสนอให้มีเครื่องหมาย “British Made” บนสินค้าที่ผลิตในประเทศ
ทั้งนี้สหราชอาณาจักรและอินเดียได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีในเดือน ก.ค. 2568 หลังจากการเจรจาที่ยาวนาน กว่า 3 ปี โดยข้อตกลงนี้คาดว่าจะเพิ่มการค้าระหว่างสองประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะมีการลดภาษีสินค้านำเข้า เช่น เสื้อผ้า, รถยนต์, และวิสกี้ จากฝั่งอังกฤษ และสินค้าอย่างเครื่องประดับ, รองเท้า, และอาหารทะเลจากฝั่งอินเดีย โดยข้อตกลงระหว่างชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 และ 6 ของโลกฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายอีก 2.55 หมื่นล้านปอนด์ ภายในปี 2583 นับเป็นข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่ฉบับแรกของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่พวกเขาถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในปี 2563
โดยอังกฤษคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษได้ปีละประมาณ 4.8 พันล้านปอนด์ ขณะที่อินเดียคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจ้างงาน การส่งออก และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในด้านการค้าสินค้าสินค้าอินเดีย 99% จะเข้าสู่สหราชอาณาจักรโดยไม่ต้องเสียภาษี โดยเฉพาะสินค้า เช่น เครื่องประดับ, สิ่งทอ, และอาหารทะเล ส่วนสหราชอาณาจักร: ลดภาษีวิสกี้เหลือ 75% ในปีแรก และจะลดลงอีกในอนาคต รวมถึงการลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากอังกฤษลง 10% ภายใน 5 ปี ภายใต้ระบบโควตา ส่วนด้านอื่น ๆ ข้อตกลงยังรวมถึงความร่วมมือในด้านอื่น ๆ เช่น การป้องกัน, การจัดการสภาพภูมิอากาศ, และการต่อต้านอาชญากรรม
สคต.กรุงนิวเดลี ให้ความเห็นว่า เครื่องประดับและอัญมณีที่อินเดียส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรมากที่สุด ได้แก่ เครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน และเครื่องประดับเงิน ซึ่งการที่อินเดียได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหราชอาณาจักรจะทำให้สินค้าเครื่องประดับจากอินเดียสามารถแข่งขันได้ดีในตลาดระดับกลางถึงล่างของสหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักรยังถือเป็นตลาดส่งออกอัญมณีที่สำคัญของไทยทั้งในกลุ่มเพชร พลอยสี เครื่องประดับเงิน ไทยยังมีจุดแข็งโดยเฉพาะในด้านคุณภาพสินค้า ความสามารถรับผลิตสินค้า small order ดีไซน์เครื่องประดับระดับพรีเมียม และ พลอยสีคุณภาพสูง ทั้งนี้อินเดียยังต้องนำเข้าอัญมณีจากไทย เช่น บุษราคัม ไพลิน และทับทิม หากอินเดียขยายการผลิตเพื่อส่งออกมายังสหราชอาณาจักรมากขึ้น ไทยสามารถเป็นซัพพลายเออร์วัตถุดิบ เช่น พลอยสี เงิน ให้กับโรงงานอินเดีย
ในส่วนของภาครัฐนั้น สหราชอาณาจักรและไทย ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership: ETP) เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร โดยการลงนามดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเจรจาการค้าเสรีระหว่างกันในอนาคต







