'พาณิชย์' พบธุรกิจนอมินี 'สมุย-พะงัน' 7 พันราย ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบธุรกิจนอมินี สมุย พะงัน กว่า 7 พันรายส่วนใหญ่เป็น “ธุรกิจอสังหาฯ ท่องเที่ยว บริการ” จ่อสอบเชิงลึก พร้อม รื้อแผนสอบนอมินี ชง “อนุทิน” แต่งตั้งรองนายกฯ เป็นประธานตรวจสอบแก้ไขปัญหาสินค้า และธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวกรณีชาวต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดิน และประกอบธุรกิจบนแหล่งท่องเที่ยวเกาะสมุย เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า กรมได้ให้ความสำคัญกับการเข้าไปตรวจสอบ และเอาผิดนิติบุคคลบางรายที่หลีกเลี่ยงหรือประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
รวมถึงกรณีที่บุคคลต่างด้าวจดทะเบียนนิติบุคคลโดยอาศัยคนไทยเป็นตัวแทนอำพรางหรือนอมินี (Nominee)อย่างต่อเนื่อง โดยเร่งตรวจสอบทั่วประเทศไม่เฉพาะแค่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้นจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ในเกาะสมุย และพะงัน มีชาวต่างชาติทั้งชาวยุโรป และประเทศอื่นๆ เข้ามาทำธุรกิจจำนวนมาก มีทั้งรายใหญ่ รายกลาง และรายเล็กที่มีการใช้คนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ
“ขณะนี้กรม ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเชิงลึกธุรกิจนอมินีในสุราษฎร์ธานี เบื้องต้นพบว่ามีธุรกิจที่มีความเสี่ยงเข้าข่ายนอมินีที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบกว่า 7,000 ราย ส่วนใหญ่ทำธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ อาทิ คอนโดมิเนียม ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร ” นายพูนพงษ์
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า เพื่อให้การตรวจสอบนอมินีมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้สั่งให้กรมปรับแผนการตรวจสอบนอมินีใหม่ทั้งหมด โดยได้ปรับวิธีการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงเป็นนอมินีจากการที่มีคนต่างด้าวเข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ 0.001-49.99% ใน 6 ธุรกิจเสี่ยง จำนวน 46,918 รายใหม่ โดยได้เพิ่มเงื่อนไขการตรวจสอบที่เจาะจงลึกลงไปว่าธุรกิจนั้น ๆ มีความเสี่ยงหรือน่าสงสัยที่จะเป็นนอมินีจริง จากเดิมที่ดูแค่จำนวนผู้ถือหุ้น เพื่อให้เหลือจำนวนธุรกิจที่จะตรวจสอบให้น้อยลง
โดยคาดว่าหลังจากปรับหลักเกณฑ์การตรวจสอบจะเหลือธุรกิจที่ต้องตรวจสอบเร่งด่วนหลักพันราย และจะโฟกัสตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ก่อน เมื่อตรวจสอบครบแล้ว ก็จะขยายผลไปตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยลงมาต่อไป
นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายขึ้น 1 ชุด ภายใต้คณะอนุกรรมการ 4 ชุด คือ
1.อนุกรรมการชุดป้องกันการจดทะเบียนที่ไม่ถูกต้อง
2.อนุกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลแบบพุ่งเป้า เพื่อคัดกรองนิติบุคคลที่เข้าข่ายเสี่ยงให้ตรงเป้ามากที่สุด
3.อนุกรรมการชุดตรวจสอบบัญชีและ
4.อนุกรรมการด้านกฎหมายโดยจะเร่งพิจารณาให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายทั้ง10 ฉบับให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการปรับเปลี่ยนรัฐบาลทำให้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้า และธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งกำกับดูแลเรื่องของการปราบรามนอมินี และสินค้าผิดกฎหมายจากต่างประเทศสิ้นสุดลงไปด้วย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวชุดใหม่เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง
โดยขอให้มีการปรับเปลี่ยนประธานคณะทำงานเป็นรองนายกรัฐมนตรี แทนรมว.พาณิชย์ เพื่อให้มีอำนาจในการบริหารจัดการครอบคลุมมากขึ้น รวมทั้งขอให้เพิ่ม 4 หน่วยงานเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







