ธรรมนัส หนุนสหกรณ์เป็นองค์กรแก้ปัญหาภาคการเกษตรครบวงจร

ธรรมนัส หนุนสหกรณ์เป็นองค์กรแก้ปัญหาภาคการเกษตรครบวงจร

ธรรมนัส เร่งสร้างสหกรณ์เข้มแข็ง หวังใช้เป็นองค์กรหลักแก้ปัญหาภาคการเกษตรครบวงจร สั่งรวบรวมปัญหาพร้อมผลักดันงบประมาณ ชี้ช่วยตัดวงจรข้าวออกจากตลาด ดันราคาสูงขึ้นแตะ ตันละ 1 หมื่นบาท

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในการประชุมเชิงปฏิบัติการ การขับเคลื่อนสหกรณ์ภาคการเกษตรเป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร ว่า ปัญหาของเกษตรกรปัจจุบันยังหนีไม่พ้นเรื่องราคาสินค้าตกต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาอย่างกรณีเรื่องข้าว กระทรวงเกษตรฯใช้ระบบสหกรณ์ในการแก้ปัญหาด้วยการเปิดรับซื้อข้าว รับฝากข้าวเพื่อตัดวงจรการจำหน่ายในช่วงเก็บเกี่ยวและออกสู่ตลาดพร้อมกัน โดยรับซื้อในราคาที่เป็นธรรม แล้วแปรรูปจำหน่ายทั้งตลาดในและต่างประเทศ ทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น ตันละ 8,000-10,000 บาท ในปีที่ผ่านมา ธรรมนัส หนุนสหกรณ์เป็นองค์กรแก้ปัญหาภาคการเกษตรครบวงจร จึงเป็นกลไกที่สำคัญ และมั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศได้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ดังนั้นจำเป็นต้องผลักดันให้สหกรณ์มีความเข้มแข็ง โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะรวบรวมปัญหา แล้วนำเสนอเพื่อแก้ไขให้ตรงจุด จากนั้นให้เสนอขอใช้งบประมาณ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯพร้อมจะผลักดันให้เต็มที่ เพื่อใช้สหกรณ์เป็นองค์กรหลักในการแก้ปัญหาภาคการเกษตรอย่างครบววงจร

“จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาของเกษตรกรทั่วประเทศ พบว่าส่วนใหญ่ยังคงประสบกับปัญหาเชิงโครงสร้างและรูปแบบการทำเกษตรแบบเดิม ที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ทำให้ภาครัฐไม่สามารถเข้าถึงเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม และนโยบายที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในแต่ละรัฐบาล ส่งผลให้เกษตรกรขาดความต่อเนื่องในการพัฒนา แต่ต่อจากนี้ภาคเกษตรไทยต้องเข้มแข็ง เชื่อว่าสหกรณ์คือคำตอบ เพราะเป็นองค์กรของเกษตรกรโดยเกษตรกร ที่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาได้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอย่างแท้จริง” 

ธรรมนัส หนุนสหกรณ์เป็นองค์กรแก้ปัญหาภาคการเกษตรครบวงจร

โครงการขับเคลื่อนสหกรณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2566 ที่มุ่งให้สหกรณ์ภาคการเกษตรเป็นผู้ให้บริการครบวงจร ทั้งในด้านการผลิต การตลาด การแปรรูป และการส่งออก เพื่อให้สหกรณ์มีศักยภาพในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมกับเกษตรกร 

“ผมจะผลักดันให้สหกรณ์ทุกแห่งเป็นฐานรากของเกษตรกรไทย เป็นศูนย์กลางการผลิต การตลาด และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ การบริหารภาคเกษตรของประเทศจะต้องยึดหลักเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกษตรกรมีอาชีพมั่นคง รายได้มั่นคง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว สิ่งที่ผมต้องการเห็นคือเกษตรกรไทยลุกขึ้นมามีศักดิ์ศรี มีรายได้มั่นคง และสหกรณ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างพลังร่วมกันของภาคการเกษตรไทยทั้งระบบ”

ปัจจุบันภาคสหกรณ์มีกลไกที่ดีอยู่แล้ว หากได้รับการสนับสนุนผ่านระบบแปลงใหญ่ ใช้ตลาดนำการผลิต ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมเพื่อให้ผลผลิตดีขึ้น มีคุณภาพ และต้นทุนที่ลดลง สินค้าของไทยก็สามารถแข่งขันในตลาดได้  ทั้งพืช ปศุสัตว์และประมง กรณีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ที่เป็นสมาชิกขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ( อสค.) แล้วมีปัญหาราคาตกต่ำ นมค้างสต๊อกจำนวนมากนั้น ต้องกลับมาดูการบริหารงานของ อสค.ที่ให้ความสำคัญในเชิงพาณิชย์มากไปทำให้ขาดทุน และละเลยวัตถุประสงค์หลักในการดูแลเกษตรกร เรื่องนี้ได้สั่งให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปดูแล และใช้กลไกสหกรณ์แก้ไขปัญหาแล้วเช่นกัน  

นอกจากนี้ความกังวลเรื่องการเรียกเก็บภาษีของประเทศมหาอำนาจ กระทรวงเกษตรฯพร้อมจะต่อรองโดยยึดผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก เนื่องจากภาคการเกษตรที่มีประชาชนเกี่ยวข้องกว่า 15 ล้านคน เป็นฐานของประเทศ หากคนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบ รัฐบาลก็จะได้รับผลตามไปด้วย เช่นเดียวกันกับประเทศมหาอำนาจ ที่สร้างกำแพงภาษีต่างๆขึ้นมาต่างก็ต้องการปกป้องเกษตรกรที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของตนเองเช่นกัน 

ธรรมนัส หนุนสหกรณ์เป็นองค์กรแก้ปัญหาภาคการเกษตรครบวงจร

นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้กำหนดทิศทางการดำเนินงาน ทั้งในด้านการยกระดับสหกรณ์ภาคการเกษตรให้เป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วประเทศ สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไปจะเน้นการทำงานเชิงรุก การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และการนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ เพื่อให้สหกรณ์สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเองและเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง

โอกาสนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำทีมผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้บริหารสหกรณ์ภาคการเกษตร ร่วมกิจกรรม “คนสหกรณ์ ดื่มนมสหกรณ์ เพื่อพี่น้องสหกรณ์โคนม” เพื่อเป็นการแสดงพลังความร่วมมือของคนในระบบสหกรณ์ที่จะร่วมสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทยด้วยเครือข่ายสหกรณ์อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนความมุ่งมั่นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้มีความมั่นคงทางอาชีพ สร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์โคนมในทุกพื้นที่ และส่งเสริมให้คนไทยหันมาบริโภคนมโคนมไทยมากขึ้น