ครม. ตั้ง ‘เอกนิติ’ นั่งประธานคณะทำงานเจรจาการค้าสหรัฐ

ครม. ตั้ง ‘เอกนิติ’ นั่งประธานคณะทำงานเจรจาการค้าสหรัฐ

ครม.ตั้ง ‘เอกนิติ’ รองนายกฯ และรมว.คลัง นั่งประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐ ทำหน้าที่ ‘หัวหน้าทีมไทยแลนด์‘ เจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ร่วมกับ 6 กระทรวงหลักตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว

วันนี้ (14 ต.ค. 2568) ที่รัฐสภา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีข้อสั่งการในที่ ประชุม ครม. โดยแต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยมี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ร่วมกับรัฐมนตรีจาก 6 กระทรวงหลัก เพื่อบูรณาการการทำงานและขับเคลื่อนในระดับนโยบาย และสิ่งที่สหรัฐฯ เรียกร้องหลายประเด็นสอดคล้องกับสิ่งที่ควรปรับปรุงอยู่แล้ว อาทิ กฎระเบียบ การบังคับใช้กฎหมาย หรือมาตรฐานสินค้า

นายอนุทิน กล่าวว่า การเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ และการเร่งสรุป FTA กับสหภาพยุโรป เพื่อวางรากฐานทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ของประเทศในระยะยาว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วง 4 เดือน สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย และนโยบายภาษีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบในวงกว้าง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งการเจรจาเพื่อลดภาษีให้ต่ำกว่าหรืออย่างน้อยไม่เกินระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 19 เพื่อปกป้องภาคการส่งออก เกษตร อุตสาหกรรม การจ้างงาน และเศรษฐกิจโดยรวม

"การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และ FTA ไทย - EU เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ขอให้รัฐมนตรีทุกคนกำชับและสั่งการในเรื่องที่จำเป็นกับผู้เข้าร่วมการเจรจาในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อช่วยกันหาทางออกให้การเจรจาสามารถจบลงได้ในเวลาอันเหมาะสม และนำมาซึ่งผลประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ"

ทั้งนี้ คณะทำงานชุดนี้ ประกอบไปด้วย รองนายกรัฐมนตรี เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสั่งคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธาน

พร้อมผู้แทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงาน โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นคณะทำงานและเลขานุการเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการเจรจากับสหรัฐฯ เนื่องจากหลายประเด็นมีความคาบเกี่ยวกับหลายหน่วยงานและเป็นเรื่องระดับนโยบายที่จะต้องตัดสินใจ