BOI เร่ง 4 เดือน Fast Track ลงทุน-สร้างคน-ยกระดับผู้ประกอบการ

BOI เร่ง 4 เดือน Fast Track ลงทุน-สร้างคน-ยกระดับผู้ประกอบการ

BOI มุ่งเน้นดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 70 โครงการ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท พร้อมเร่งแก้ปัญหาใบอนุญาตด้วยระบบ Fast Pass ภายใน 4 เดือนข้างหน้า ดัน อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น EV, เซมิคอนดักเตอร์, BCG และดิจิทัลขั้นสูง พร้อมมาตรการยกระดับผู้ประกอบการไทยให้ปรับตัวทันสมัย และแข่งขันในตลาดโลก 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนข้างหน้าหลังจากนี้ภายใต้การบริหารประเทศไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นั้น บีโอไอจะมุ่งเน้นดำเนินการโครงการที่มีความสำคัญ หรือโครงการขนาดใหญ่เป็นลำดับแรก เพื่อให้เกิดผลจริงภายในระยะเวลาดังกล่าว

ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 70 โครงการที่ขอรับการส่งเสริมแต่ยังค้างอยู่ โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้บีโอไอจะเร่งดำเนินการหารือร่วมกับทั้ง 70 โครงการดังกล่าว เพื่อให้ได้รับทราบถึงปัญหา หรือข้อติดขัดในการดำเนินโครงการ จะได้เข้าไปแก้ปัญหาให้ตรงจุด 

โดยปัญหาหลักคือ เรื่องของใบอนุญาตที่มีค่อนข้างมาก บีโอไอก็จะมุ่งเน้นการเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงกระบวนการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค เพื่อทำให้เกิดการลงทุนอย่างแท้จริง เนื่องจากภาคเอกชนเองก็มีความต้องการที่จะเร่งการลงทุน ซึ่งทุกรายที่ขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอมีความจริงจังในการทำธุรกิจ แต่ยังไม่สามารถเริ่มโครงการได้ เพราะติดปัญหาดังกล่าวข้างต้น

นอกจากนี้ บีโอไอจะมุ่งเน้นเรื่องมาตรการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เนื่องจากปัจจุบันมีอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งพลังงานสะอาด ,เซมิคอนดักเตอร์ ,ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ,แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ,อุตสาหกรรมด้าน BCG (Bio-Circular-Green Industries Hub),ดิจิทัลขั้นสูง AI และการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ

“สาขาเหล่านี้บุคลากรไทยอาจจะยังไม่มีทักษะมาก่อน ดังนั้นต้องเร่งสร้างในเวลาอันรวดเร็ว เพราะมีการลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย นายเอกนิติ นิติทันฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับเรื่องคนเป็นพิเศษ”

นายนฤตม์  กล่าวอีกว่า บีโอไอ ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และภาคเอกชน เพื่อนำความต้องการแรงงานจากภาคเอกชน (Demand) มาผสานเข้ากับหลักสูตร (Supply) ที่ อว. มี เพื่อพัฒนาบุคลากรให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยจะมีการอบรมสร้างทักษะในเวลาอันรวดเร็ว มีการฝึกงานจริงในโรงงาน ซึ่งมีการตั้งเป้าให้เกิดการจ้างงาน 1 แสนราย และยกระดับ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

“เบื้องต้นจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ Bootcamp โดยจะเป็นหลักสูตรระยะสั้น หรืออาจจะบวกกับการฝึกปฏิบัติงานจริงในโรงงาน ,​Online Training โดยจะทำ 2-3 อย่างดังกล่าวนี้ประกอบกันเพื่อสร้างบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะเชื่อมระหว่างฝั่ง Demand และ Supply และจะมีการสนับสนุนค่าใช้จ่าย (Subsidize) การอบรมผ่านเครื่องมือของบีโอไอ”
 

อีกทั้ง บีโอไอจะมีมาตรการยกระดับผู้ประกอบการไทย เพื่อให้สามารถปรับตัว และมีขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกยุคใหม่ได้ โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัย ,การใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา โดยจะใช้เครื่องมือของบีโอไอในการสนับสนุนเช่นเดียวกัน 

“ใน 4 เดือนหลังจากนี้ก็จะมี 3 เรื่องสำคัญ คือ เร่งการลงทุน ,สร้างคน และยกระดับผู้ประกอบการไทย แต่ไม่ใช่ว่าทำ 4 เดือนแล้วจบ เรื่องดังกล่าวเหล่านี้ต้องทำต่อเนื่อง แต่จะเริ่มต้นอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะแรกภายใน 4 เดือน”

นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) วันศุกร์ที่ 17 ต.ค.68 จะมีการนำทั้ง 3 มาตรการเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อหารือ และพิจารณาในรายละเอียดหลักเกณฑ์สำหรับการดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ เรื่องใบอนุญาต ซึ่งตรงกับที่นายเอกนิติ ระบุไว้ในที่ประชุมสภาฯ โดยจะทำระบบที่เรียกว่า Fast Pass ซึ่งก็คือจะคัดโครงการที่มีความสำคัญ ซึ่งจะดำเนินการเสมือนเป็นบัตรอภิสิทธิ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเรียนว่าไม่ใช่ทำได้ทันที โดยช่วงแรกคงเน้นการแก้ปัญหาด้วยการประสานงานช่วยไปก่อน 

ส่วน Fast Pass จะเป็นระบบที่ต้องอาศัยการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทุกหน่วยงานยินยอมที่จะร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นให้ Fast Pass ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเมื่อนักลงทุนไปติดต่อหน่วยงานอื่นแล้วไม่ได้รับความร่วมมือก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้องระบุ (Identify) ว่าขั้นตอนสำคัญ ของภาคธุรกิจมีอะไรบ้าง และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นภาพเดียวกัน และต้องมีสิ่งที่เรียกว่า SLA (Service Level Agreement) คือ มาตกลงกันว่าตามขั้นตอนปกติสมมติใช้เวลา 100 วัน ถ้าเป็น Fast Track แล้วจะลดเหลือ 50 วันได้ไหม ก็ต้องมาตกลงกันเป็นหน่วยงานไปถึงจะสำเร็จ 

เมื่อตกลงกันได้แล้ว หลังจากนั้นเมื่อให้ Fast Pass กับนักลงทุนรายใดไปก็จะได้รับการบริการแบบ Fast Track นี้ โดยเรื่องดังกล่าวต้องขอเวลาอีกหน่อยในการหารือ ทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ โดยจะเลือกให้กับโครงการที่สำคัญ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีหลักเกณฑ์ออกมา เพื่อกำหนดให้ชัดเจน
ด้านมาตรการเรื่องบุคลากรกับเรื่องการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยต้องรอประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (บอร์ดกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ) ก่อน ซึ่งปัจจุบันยังไม่กำหนดวันประชุม

“หากถามว่าจะเห็นทั้ง 3 มาตรการดังกล่าวเมื่อไหร่นั้น ต้องเรียนว่ารัฐบาลเองก็เร่งรัดอยู่ในทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าตอนนี้บีโอไอมี 4 บอร์ดสำคัญอยู่ในมือ คือ บอร์ดบีโอไอ ,บอร์ดเพิ่มขีดความสามารถฯ ,คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า (บอร์ด EV), และคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ หรือบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ โดยการประชุมทั้ง 4 บอร์ดดังกล่าวจะทยอยมีการประชุม โดยคาดว่าภายในเดือนต.ค. หรือไม่เกินต้นเดือนพ.ย.”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์