'ราช กรุ๊ป' ปักธงออสเตรเลีย เดินหน้าโรงไฟฟ้าใหม่ เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ

“ราช กรุ๊ป” เร่งขยายโครงการพลังงานหมุนเวียนในออสเตรเลีย ผ่านบริษัทย่อย RAC ลุยลงทุนโรงไฟฟ้าอีก 9 แห่งกว่า 2,000 เมกะวัตต์
KEY
POINTS
- “ราช กรุ๊ป” เร่งขยายโครงการพลังงานหมุนเวียนในออสเตรเลีย ผ่านบริษัทย่อย RAC
- ลุยลงทุนโรงไฟฟ้าอีก 9 แห่งกำลังการผลิตรวมกว่า 2,000 เมกะวัตต์
- พร้อมต่อยอดลงทุนโครงการโซลาร์และแบตเตอรี่ในอนาคต
- รับเป้าหมายพลังงานทดแทนในออสเตรเลีย 85% พร้อมมองหาโอกาสลงทุนต่างแดนในอีกหลายประเทศ
ทิศทางการเติบโตของธุรกิจพลังงานที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตทั่วโลก ทำให้บริษัทเอกชนของไทยหลายบริษัทในไทยได้ปรับทิศทางออกไปลงทุนธุรกิจพลังงานทั้งไฟฟ้า และพลังงานด้านอื่นๆในต่างแดน เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันมีการขยายธุรกิจไปในหลายประเทศ โดยมีประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สปป.ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์ พร้อมแสวงหาโอกาสในพื้นที่ใหม่ที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงาน เช่น ยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่น
ดัน 5 กลยุทธ์สร้างรายได้ยั่งยืน
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ายุทธศาสตร์ธุรกิจ และแผนการลงทุนของ ราช กรุ๊ป มีแผนที่จะขยายการลงทุนทั้งในไทย และต่างประเทศเพื่อแสวงหาโอกาสเติบโตของธุรกิจต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆนี้ “ราช กรุ๊ป” ได้มีการเปิดตัวกลยุทธ์ 5 ด้าน (5S) เพื่อดำเนินการระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2568-2572 เพื่อมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดรับกับทิศทางพลังงานโลก พร้อมสร้างโอกาสและมูลค่าทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้รายได้และกำไรเติบโตขึ้น โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องปีละประมาณ 5% ต่อเนื่องตลอด 5 ปี จากในปัจจุบันที่มี EBITDA อยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ราช กรุ๊ปยังคงโฟกัสหลักที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และธุรกิจพลังงานเป็นหลัก โดยกลยุทธ์ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ 1.การบริหารพอร์ตสินทรัพย์ โดยจะเน้นการปรับปรุง ศักยภาพ และประสิทธิภาพในการทำกำไร 2.การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนกำลังผลิตทั้งในและต่างประเทศ 3.การลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านพลังงาน 4.การพัฒนาโรงไฟฟ้าที่หมดอายุให้เกิดมูลค่าเพิ่ม และ 5.การลงทุนในสตาร์ทอัพพลังงานรูปแบบใหม่ ในรูปแบบการลงทุนที่เป็น Corporate Venture Capital
“ในแผนกลยุทธ์ใหม่มุ่งเน้นธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานเป็นหลัก พร้อมขยายการลงทุนครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจให้มากขึ้น รวมถึงการจัดการสินทรัพย์ให้สร้างมูลค่าสูงสุด ทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้พลังงานและปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าที่ปลดระวางเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ และนวัตกรรมพลังงานที่สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ และของโลก ด้วยตามที่บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มเป้าหมายการลงทุนพลังงานทดแทนที่ 40% ภายในปี 2578
รายได้ในออสเตรเลียแตะ 3 พันล้าน
สำหรับการลงทุนของราช กรุ๊ป ในประเทศออสเตรเลียซึ่งถือเป็นการลงทุนต่างประเทศที่สำคัญของกลุ่มบริษัทปัจจุบันราช กรุ๊ป มีบริษัทย่อยที่ลงทุนในออสเตรเลียได้แก่ ราช ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น (RAC) เป็นแกนหลักในการขยายธุรกิจในออสเตรเลีย ในครึ่งแรกของปี 2568 นี้ RAC สร้างรายได้กว่า 2,948 ล้านบาท คิดเป็น 19% ของรายได้รวมของบริษัทฯ โดยรายได้ที่ได้รับมาจากโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 1,590.85 เมกะวัตต์ และคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเมื่อโครงการในมือเดินเครื่องเชิงพาณิชย์สำเร็จ ทั้งนี้ปัจจุบันมีโครงการของ RAC ที่ลงทุนแล้วรวม 12 โครงการ รวม 2,094 เมกะวัตต์ เป็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 9 แห่ง และโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ 3 แห่ง โดยโครงการลงทุนในออสเตรเลียทั้งหมด RAC ถือหุ้น 100% ยกเว้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม Yandin ที่ถือหุ้น 70%
4 โครงการในออสเตรเลียคืบหน้า
ปัจจุบัน RAC กำลังศึกษา และพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนและระบบกักเก็บไฟฟ้าอีก 9 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 2,221 เมกะวัตต์ โดยมี 4 โครงการที่มีความก้าวหน้าสำคัญ ได้แก่
1.โครงการพลังงานแสงอาทิตย์มารูลัน ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ขนาด 81 เมกะวัตต์ กักเก็บพลังงานได้ 162 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2570
2.โครงการระบบกักเก็บพลังงานเบรีล ขนาด 100 เมกะวัตต์ และกักเก็บพลังงาน 200 เมกะวัตต์-ชั่วโมง
3.โครงการระบบกักเก็บพลังงานอีแอล เอริช ขนาด 250 เมกะวัตต์ กักเก็บพลังงานได้ 500 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ได้รับความเห็นชอบแผนงานแล้ว คาดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2572
และ 4.โครงการพลังงานลมสปริงแลนด์ อยู่ระหว่างพัฒนา การประเมินเบื้องต้นพบว่าความเร็วลมเหมาะสมและมีระบบสายส่งรองรับ กำลังการผลิตประมาณ 500-800 เมกะวัตต์ คาดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 2573
นอจากนี้ล่าสุด RAC ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ Synchronous Condenser ที่โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซทาวน์สวิลล์ ขนาด 234 เมกะวัตต์ เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบส่งไฟฟ้าของรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้สินทรัพย์โรงไฟฟ้าที่จะปลดระวาง และคาดว่าความต้องการโครงการลักษณะนี้จะเพิ่มขึ้นตามการใช้พลังงานทดแทนในอนาคต โดยล่าสุดจากการติดตั้ง Synchronous Condenser ทำให้ได้รายได้แล้วประมาณ 5.7 แสนดอลลาร์ออสเตรเลีย นอกจากนั้นจะมีการรับรู้รายได้จากสัญญาการเดินเครื่องรายปี และสัญญาขายไฟรายชั่วโมงหากมีคำสั่งให้มีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ซัพพลายพลังงานทดแทนหายไปจากระบบ
“ออสเตรเลียเป็นตลาดพลังงานสะอาดที่เสรีมีการแข่งขันกันสูงของผู้ผลิตไฟฟ้า แต่ก็มีโอกาสในการขยายตัวสูงเนื่องจากออสเตรเลียมีเป้าหมายจะใช้พลังงานสะอาดถึง 85% ตามเป้าหมาย Net Zero Emissions ซึ่งเปิดโอกาสการลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน ระบบกักเก็บพลังงาน และบริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าทำให้บริษัทเห็นถึงโอกาสการลงทุนที่จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต” นายนิทัศน์ กล่าว







