ราคาน้ำมันดิบ ดิ่งลง หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีนอีก 100%

ราคาน้ำมันดิบ ดิ่งลง หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีนอีก 100%

ราคาน้ำมันดิบ สหรัฐฯ ร่วงลง 4% หลังความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทรัมป์และจีนอาจฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน 100% สงครามการค้าปะทุอีกรอบ

ซีเอ็นบีซี รายงาน ราคาน้ำมันดิบ สหรัฐฯ (WTI)  ร่วงลง 4% ในวันศุกร์ (10 ต.ค.68) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จีนว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้ที่ปักกิ่งใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากที่เข้มงวดขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ สหรัฐฯ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนพฤศจิกายน  ร่วงลง 2.61 ดอลลาร์ หรือ 4.24% ปิดที่ 58.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลดลง 2.49 ดอลลาร์ หรือ 3.82% ปิดที่ 62.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่ความขัดแย้งครั้งล่าสุดนี้กลับก่อให้เกิดความกังวลอีกครั้งว่าภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน

“ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผมจะถูกบีบให้ต้องตอบโต้ด้วยมาตรการทางการเงิน”

ทรัมป์โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของเขา 

“หนึ่งในนโยบายที่เรากำลังคำนวณอยู่ในขณะนี้คือการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจำนวนมหาศาลที่ส่งมายังสหรัฐอเมริกา” ประธานาธิบดีกล่าว “ยังมีมาตรการรับมืออื่นๆ อีกมากมายที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจังเช่นกัน”

ต่อมาทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีจีน เพิ่มเติมอีก 100% เริ่มเก็บภาษีวันที่ 1 พฤศจิกายน รวมถึงจะควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์ไฮเทค 

คำกล่าวของทรัมป์ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนกำลังลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลกที่กลับมาอีกครั้งนี้

“เมื่อตลาดเห็นการตอบโต้กันเช่นนี้ ตลาดน้ำมันก็จะส่งสัญญาณว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะช้าลง และอาจถึงขั้นอุปสงค์ลดลง” แอนดี้ ลิโปว์ ประธานบริษัทลิโปว์ ออยล์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวกับ ซีเอ็นบีซี

ราคาน้ำมันก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากวิตกซัพพลายล้นเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ได้เพิ่มปริมาณการผลิตเข้าสู่ตลาดมาหลายเดือนแล้ว

“ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างการขนส่งพุ่งสูงขึ้นในเดือนที่แล้ว ความต้องการน้ำมันดิบลดลงอย่างมากท่ามกลางการซ่อมบำรุงโรงกลั่น และสต็อกน้ำมันกำลังเพิ่มขึ้น” แมตต์ สมิธ นักวิเคราะห์น้ำมันจาก Kpler กล่าว

 

ดูเหมือนว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสจะมีผลบังคับใช้ในฉนวนกาซาแล้ว ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะตึงเครียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดสองปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับความเสี่ยงที่สงครามกาซาจะลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบ

 

“ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังใช้โอกาสนี้ในการกล่าวว่า เราสามารถก้าวข้ามเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และหันมาให้ความสำคัญกับภาพรวมของอุปทานน้ำมันดิบได้” เฮลิมา ครอฟต์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกของ RBC Capital Markets กล่าวกับซีเอ็นบีซี