"ศุภจี" แนะ ไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 3 ด้าน พาไทยหลุดกับดักเศรษฐกิจ

“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ชี้ไทยเผชิญความท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และ 4 เทรนด์กระแสโลก ทำเศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยลง แนะไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 3 ด้านพาไทยหลุดกับดัก "พาณิชย์" พร้อมเร่งขับเคลื่อนนโยบายภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ 7 นโยบาย
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Thailand Economic Outlook 2026 : Out of the Trap” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ว่า วันนี้ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาร่วมสัมมนาในเวทีที่มีความสําคัญ ยิ่งแล้วก็ในวาระที่เป็นวาระที่มีความสําคัญของทางธุรกิจ และกลุ่มเนชั่น เนื่องด้วยที่ว่าปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 38 ปี ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี ซึ่งเรามาร่วมกันวิเคราะห์เจาะลึกว่า เราจะหาทางออก Out of the Trap ได้อย่างไร
กระทรวงพาณิชย์ภายใต้การดูแลการค้าทั้งใน และต่างประเทศ จะทำอย่างไร ซึ่งเราคงต้องดูบริบทโลกภาวะเศรษฐกิจโลก และสิ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญ ใน 4 ด้าน คือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และผันผวนทั่วโลก จากปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical)
มาตรการทางภาษีของสหรัฐที่ส่งผลต่อโครงสร้างการค้าโลก ซึ่งไทยถูกสหรัฐประกาศเก็บภาษีตอบโต้ที่ 19% ทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ อย่างไรก็ตามเราต้องพยายามเจรจาเรื่องต่างๆ ให้จบภายในปลายปีนี้ทั้งนี้เพราะสหรัฐ เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย มีทั้งโอกาส และความท้าทาย หลายประเทศต้องหาคู่ค้าใหม่เพื่อรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ หากการเจรจาเรื่องนี้ไม่สำเร็จอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าถึง 1.9 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา และอาจเกิด Trade Diversion (การหาคู่ค้าใหม่)
ขณะที่นโยบายการเงินของสหรัฐ มีแนวโน้มลดลงส่งผลต่อไทย ทำให้เงินบาทแข็งค่ากระทบส่งออก ทำให้ความสามารถแข่งขันเราลดน้อยลง อีกทั้งยังต้องจับตาความผันผวนของราคาพลังงาน แม้อุปทานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพบางส่วน แต่ก็สะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัวในอีกด้านเช่นกัน
นอกจากนี้ เรื่องของ ภาวะเศรษฐกิจของโลกแล้วยังมีในเรื่องของ เทรนด์ ที่น่าสนใจ 4 เรื่องได้ แก่ 1. DEGLOBALIZATION การค้าเสรี มีการเจรจามากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรให้เราอยู่ในห่วงโซ่ซัพพลายเชนมีการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน และห่วงโซ่มูลค่าในระดับภูมิภาค
2. DECARBONIZATION นโยบายการค้าที่มุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เช่น มาตรการ CBAM ของ สหภาพยุโรป จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสามารถในการแข่งขัน ในระยะยาว ไทยต้องเร่งปรับมาตรฐานการผลิต และปรับกฎระเบียบภายในประเทศให้สอดรับกัน
3. DIGITALIZATION การปรับตัวการนำเทคโนโลยีมาใช้ และ 4. DIMOGRAPHICS ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบตั้งแต่ปีที่แล้ว และกำลังจะเป็น Super-Aged Society ในไม่ช้า ส่งผลให้ Domestic Consumption (การบริโภคในประเทศ) ลดลง และความสามารถในการแข่งขันด้านแรงงานลดลง เพราะจำนวน Work Force (แรงงาน) ลดลงต่อเนื่อง 4-5 ปี
ส่วนภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน การเติบโตของประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง GDP ของไทยเติบโตช้าลง อย่างเห็นได้ชัดจากเดิม 5% เหลือ 3% และปัจจุบัน คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.8% - 2.3% ขณะที่เงินเฟ้อต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 (-0.7%) จากราคาพลังงาน และราคาอาหารสดที่ลดลง อาจนำไปสู่ภาวะ เงินฝืด (Deflation) หากไม่เร่งกระตุ้นอุปสงค์ (Demand) รัฐบาลจึงได้ออกโปรแกรมกระตุ้นการใช้จ่าย เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส
ทั้งนี้ นโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาจึงสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล คือ กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว โดยวางยุทธศาสตร์สำคัญ แบบ Quick Win ใน 3 ด้าน 7 นโยบายหลัก ได้แก่ 1. เสริมรายได้ฐานราก และสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้เกษตรกร โดยรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร และดูแลต้นทุนผ่านโครงการ “ธงเขียว” 2. สร้างตลาดใหม่ และขยายการค้า โดยปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ และตั้งเป้าจะให้ FTA ไทย–สหภาพยุโรป และไทย–เกาหลีใต้ สำเร็จภายในปี 2568 และ 3. ลดภาระค่าครองชีพ และพยุงกำลังซื้อ เช่น ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อลดค่าขนส่งสินค้า และดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา โดยทุกมาตรการสามารถดำเนินการได้ภายใน 4 เดือน
นางศุภจี กล่าวว่า สำหรับโอกาส และความท้าทาย Out of the Trap โดยประเทศไทยมีจุดแข็งคือ1. ที่ตั้งเป็นศูนย์กลางการผลิต หากมาผลิตสินค้าที่ไทย แกนกลางห่วงโซ่อุปทานโลก จากการเคลื่อนย้าย ห่วงโซ่การผลิตของบริษัทข้ามชาติ 2.องค์ความรู้ และภูมิปัญญา คือ ประเทศก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ฉะนั้นต้องการพัฒนาการแพทย์สมัยใหม่ สนับสนุนการพัฒนา สินค้ามูลค่าสูง G Wellness Economy 3. ครัวไทยสู่โลก ซึ่งไทยมีศักยภาพการเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ปลอดภัยของโลก 4. Green Economy คือ เรื่อง Sustainability สู่ศักยภาพการแข่งขันไทยในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อออกจากการกับดักเศรษฐกิจ ใน 3 ด้านคือ 1. ปรับโครงสร้างการค้าสินค้าเกษตรสู่เกษตรแม่นยำ เปลี่ยนจากระบบผลิตตามอุปทาน (Supply-driven) สู่การผลิตตามความต้องการตลาด (Demand-driven) 2. มุ่งสู่ตลาดอาหารแห่งอนาคต พัฒนาแบรนด์ และนวัตกรรมอาหารให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Future Food ของภูมิภาค และ 3. พัฒนาระบบนิเวศทางการค้าสู่ดิจิทัล ยกระดับเศรษฐกิจไปสู่ Value-based Economy ผ่านเทคโนโลยี และระบบ Trade Intelligence รวมถึงบริการแพลตฟอร์ม “MOC+” แบบ One-stop Service
“ภาครัฐสร้างความเชื่อมั่น ภาคเอกชนสร้างโอกาส ประชาชนได้รับผลประโยชน์จริง ประเทศไทยจะสามารถหลุดพ้นจากกับดักก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน เมื่อการค้าเดินได้ เศรษฐกิจก็เดินหน้า และเมื่อเศรษฐกิจเดินหน้า ประเทศไทยก็เติบโต” นางศุภจี กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







