‘กฤษฎีกา‘ การันตีโยกงบกลางฯ 1.9 หมื่นล้าน ใช้ ‘คนละครึ่งพลัส’ ไม่ผิดกฎหมาย

โฆษกรัฐบาล เผย เลขากฤษฎีกา ยันใน ครม.โยกงบกลางฯรายการฉุกเฉิน 1.9 หมื่นล้าน ใช้คนละครึ่งพลัส ไม่ผิดกฎหมาย ชี้ตรงกับที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย
KEY
POINTS
- โฆษกรัฐบาล เผย เลขากฤษฎีกา ยืนยันใน ครม.โยกงบกลางฯรายการฉุกเฉิน 1.9 หมื่นล้าน ใช้คนละครึ่งพลัส ไม่ผิดกฎหมาย
- ระบุตรงกับที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย
- “เอกนิติ” ยันต้องเร่งมาตรการใช้งบฯกระตุ้นช่วงจำเป็นก่อนที่เศรษฐกิจจะดิ่งเหว
- ยันรัฐบาลรักษาวินัยการคลังเคร่งครัด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (7 ต.ค.) ระหว่างที่มีพิจารณาวาระกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในโครงการ"คนละครึ่งพลัส"ได้มีการสอบถามเรื่องของข้อกังวลในเรื่องของการใช้งบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน พ.ศ.2569 วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท มาใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัสว่าสามารถทำได้หรือไม่
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบคำถามว่าการใช้งบประมาณในส่วนนี้มาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นสามารถทำได้ เนื่องจากการใช้งบกลางฯในส่วนนี้เป็นไปตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าภัยเรื่องหนึ่งที่กระทบกับประเทศก็คือเรื่องของ “ภัยเศรษฐกิจ” เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และฉุกเฉินที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาจึงไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่าการใช้งบประมาณในโครงการคนละครึ่งพลัส ถือว่าถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ในส่วนของงบประมาณส่วนแรกที่ใช้ 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นงบประมาณในการที่เตรียมไว้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว ส่วนงบกลางรายการฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนปี 2569 ตอนนี้นำมาใช้ก่อน 1.9 หมื่นล้านบาท จากวงเงินที่มีอยู่กว่า 9 หมื่นกว่าล้านบาทถือว่ายังมีงบประมาณเหลือเพียงพอที่จะดูแลในช่วงต่อไป
“เศรษฐกิจในตอนนี้ถ้าเราหวังให้เศรษฐกิจดิ่งเหวก่อน แล้วค่อยกระตุ้นนั้นก็เหมือนให้รถตกเหวก่อนแล้วค่อยมาแก้ซึ่งมันก็จะแทบไม่มีผล เศรษฐกิจในวันนี้สถานการณ์ถือว่ามีความจำเป็นจึงใช้งบฯ 2.5 หมื่นล้าน ส่วนงบกลางฯอีก 1.9 หมื่นล้านนั้นมีความจำเป็นก็ต้องนำมาใช้ก่อนในขณะนี้” นายเอกนิติกล่าว
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวต่อว่าวงเงินทั้งหมดที่มาใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัสนั้นมาจากวงเงินงบประมาณที่มีอยู่ ไม่ได้กู้เพิ่มแต่อย่างใด กระทรวงการคลังคำนึงอย่างมากในเรื่องของวินัยการคลัง
ซึ่งมาตรการทั้งหมดนั้นก็คำนึงถึงการยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการ ไม่ได้แจกเงินอย่างเดียว แต่มีการเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการร้านค้าด้วย เช่น การสร้างหลักสูตรการขายเก่งขึ้น การลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพโดย AI การนำเอาแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มาใช้มากขึ้น
รวมทั้งการนำเอาข้อมูลตรงนี้ไปเชื่อมต่อกับระบบของสถาบันการเงินเพื่อให้ง่ายต่อการอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อยมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในอนาคต







