“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ร่วมแสดงความยินดีครบรอบ 38 ปี กรุงเทพธุรกิจ ยัน พาณิชย์ เดินหน้าดูแลราคาสินค้าเกษตร

“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ร่วมแสดงความยินดีครบรอบ 38 ปี กรุงเทพธุรกิจ  ยัน พาณิชย์ เดินหน้าดูแลราคาสินค้าเกษตร

“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ร่วมแสดงความยินดีครบรอบ 38 ปี กรุงเทพธุรกิจ ยัน พาณิชย์ เดินหน้าดูแลราคาสินค้าเกษตร ลดค่าครองชีพประชาชน เร่งขยายตลาดส่งออกข้าว

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 38 ปีของหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารอินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้บริหารของเครือเนชั่น กรุ๊ป คณะผู้บริหารจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

นางศุภจีได้ ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในการดูแลเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยเฉพาะการรักษาเสถียรภาพของสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญต่อรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญและต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง คือ ความผันผวนของสินค้าเกษตร ซึ่งเกิดจากทั้งภาวะอากาศ การผลิตที่มากเกินอุปสงค์ และความไม่สมดุลระหว่างตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งดำเนินมาตรการดูแลหลายด้าน เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าและรายได้ของเกษตรกร โดยมาตรการสำคัญที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้แก่

- การดูดซับผลผลิตส่วนเกินออกจากระบบตลาด เพื่อลดแรงกดดันด้านราคาและป้องกันสินค้าเกษตรราคาตก

- การลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ผ่านโครงการ “ธงเขียว” ที่มุ่งลดต้นทุนเกษตรกรช่วยเหลือในด้านค่าปุ๋ยและปัจจัยการผลิต อย่างต่อเนื่อง

- การประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรให้หลากหลายและเข้าถึงตลาดใหม่

นางศุภจี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ให้ความสำคัญกับการดูแลค่าครองชีพของประชาชน  มีความตั้งใจที่จะทำสั้นแล้วก็ให้ได้ผลยาว กระจายตัว รัฐบาลก็จะมีโครงการคนละครึ่ง ทางพาณิชย์เองก็จะมีมาตรการของธงฟ้าที่ลงไปในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่สำรวจความต้องการของประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อจัดมาตรการช่วยเหลือให้ตรงจุดและต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการสนับสนุนค่าขนส่งสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถกระจายสินค้าได้กว้างขวางขึ้น ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และขยายช่องทางจำหน่ายสู่ตลาดใหม่ โดยเฉพาะสินค้าชุมชนและสินค้าเกษตรแปรรูป

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ คือ การเปิดเผยราคายาอย่างโปร่งใสให้ประชาชนสามารถตรวจสอบราคาและเลือกซื้อยาได้อย่างเป็นธรรม โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้โรงพยาบาลภาคเอกชนแสดงราคายาอย่างชัดเจน และเปิดทางให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อยาจากร้านขายยาภายนอกโรงพยาบาลได้

“ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนกว่า 100 แห่ง จาก 5 เครือข่ายใหญ่ทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือแบบสมัครใจ ไม่ได้บังคับ แต่เป็นการสร้างระบบสุขภาพที่เป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น ประชาชนสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านยาได้ ขณะเดียวกันโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมก็ได้รับประโยชน์จากการที่มีผู้ใช้บริการมากขึ้น ส่วนโรงพยาบาลของรัฐเองก็จะลดความแออัดลง” นางศุจี กล่าว

นางศุภจี ยังกล่าวถึงทิศทางการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังว่า แม้ภาคการส่งออกจะมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่กระทรวงพาณิชย์ยังคงเร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยเฉพาะการเจรจาการค้าแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีกับประเทศคู่ค้าหลักและตลาดใหม่ เพื่อขยายโอกาสการส่งออกของไทย

ปัจจุบัน ไทยมีการเจรจาจีทูจีกับหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งในปีนี้ครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ถือเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันการค้าระหว่างกัน โดยจีนอยู่ระหว่างการผลักดันให้เพิ่มปริมาณซื้อข้าวมากขึ้น พร้อมทั้งมีการเจรจากับ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เพื่อขยายตลาดสินค้าส่งออกเพิ่มเติม

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมุ่งเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ทั้งในกลุ่มสินค้าเกษตร อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเชื่อว่าจะช่วยสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

“มาตรการทั้งหมดนี้ เป็นแผนเร่งด่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการในช่วง 4 เดือนข้างหน้า เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน และสร้างความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจฐานราก ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมของภาคการค้าส่งออกให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน”นางศุภจี กล่าว