ทั่วโลกยังลุยต่อลงทุนพลังงานหมุนเวียน ดีมานด์เม็ดเงิน670พันล้านช่วงปี68-73

ทั่วโลกยังลุยต่อลงทุนพลังงานหมุนเวียน   ดีมานด์เม็ดเงิน670พันล้านช่วงปี68-73

IRENA ชี้ดีมานด์ทิศทางการลงทุนทั่วโลกด้านพลังงานหมุนเวียนยังเดินหน้าต่อ ชี้ อีก 15 ปี การผลิตไฟฟ้าทั่วโลกมาจากพลังงานหมุนเวียน ส่วนใหญ่มาจากแสงอาทิตย์-ลม

เปิดดีมานเม็ดเงินลงทุน  670พันล้านดอลลาร์ต่อปีช่วงปี68-73EGCO Group ประกาศความสำเร็จ ลงทุน49%โรงไฟฟ้าโซลาร์ “Wheatsborough Solar”สหรัฐ เสริมพอร์ตพลังงานสะอาดระดับโลก

        สำนักงานพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (IRENA) คาดการณ์ว่า 91% ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกจะมาจากพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2593 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 

ทำให้โครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่และการเชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าจากผู้บริโภคจำนวนมากเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน แม้ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนใหม่เป็นประวัติการณ์ประมาณ 582 กิกะวัตต์ในปี 2567 ที่ผ่านมา แต่การบรรลุเป้าหมายระดับโลกที่ 11.2 เทราวัตต์ภายในปี 2573 ยังคงต้องได้รับการแก้ไขข้อบกพร่องที่สำคัญต่างๆ

รับสภาพโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม 

ปัจจุบัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ล่าช้าและความไม่มีประสิทธิภาพของโครงข่ายไฟฟ้าเป็นอุปสรรคสำคัญในการตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ทั้งนี้เพราะ โครงข่ายไฟฟ้ายังไม่ขยายตัวหรือปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างรวดเร็วเพียงพอที่จะบูรณาการพลังงานหมุนเวียนที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่าน

การขยายและปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย ​​รวมถึงการเพิ่มปริมาณการกักเก็บพลังงาน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่าภายในปี พ.ศ. 2573 โครงข่ายไฟฟ้าที่ขนส่งพลังงานจากแหล่งผลิตไปยังแหล่งใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการลงทุนอย่างเร่งด่วนและสำคัญ ซึ่งขับเคลื่อนโดยปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการที่เพิ่มขึ้น ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น และอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ 

เปิดดีมานด์เม็ดเงินลงทุน670 พันล้านต่อปี 

“IRENA ประมาณการว่าจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 670 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ระหว่างปี พ.ศ. 2568 ถึง พ.ศ. 2573 เพื่อเสริมสร้างโครงข่ายไฟฟ้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

ในฐานะกลุ่มผู้นำในภาคสาธารณูปโภคและพลังงาน สมาชิกและพันธมิตรกว่า 70 รายของ Utilities for Net Zero Alliance (UNEZA) ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลงทุนด้านโครงข่ายไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียนประจำปีมากกว่า 117 พันล้านดอลลาร์ ประมาณ 48% ของการลงทุนที่วางแผนและมุ่งมั่นไว้จะมุ่งไปที่โครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในคำมั่นสัญญาว่าด้วยการจัดเก็บพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้าโลก (Global Energy Storage and Grids Pledge) ของ COP29 ที่จะเพิ่มหรือปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้า 80 ล้านกิโลเมตรภายในปี 2040

ยูเอ็นถกจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านพลังงาน

จนถึงปัจจุบัน การขยายโครงข่ายไฟฟ้าถูกขัดขวางด้วยระยะเวลาดำเนินการที่ยาวนานสำหรับโครงการต่างๆ และระยะเวลาการขออนุญาต กระบวนการขออนุญาตภายในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดต่อการสร้างสายส่งไฟฟ้าใหม่ ข้อจำกัดของห่วงโซ่อุปทานยังเป็นความท้าทายสำหรับทั้งเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา อุปสรรคเหล่านี้ก่อให้เกิดความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปตลาด การพัฒนาทักษะแรงงาน การลดความเสี่ยงในการลงทุน และการขยายการผลิตทั่วโลก

ในการประชุมโต๊ะกลมระดับสูงที่จัดโดย UNEZA และ Green Grids Initiative ระหว่างสัปดาห์สภาพภูมิอากาศนิวยอร์ก ณ นครนิวยอร์ก 

ฟรานเชสโก ลา คาเมรา ผู้อำนวยการใหญ่ของ IRENA กล่าวถึงการลงทุนและการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายไฟฟ้าทั่วโลกว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ว่า การลงทุนมากขึ้นจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังตลาดว่า โครงข่ายไฟฟ้าเป็นกระดูกสันหลังของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ติดตั้งแล้วเป็นสามเท่าภายในปี 2030 ตามที่กำหนดไว้ในฉันทามติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE Consensus) จากการประชุม COP28

EGCO Group ถือหุ้นโรงไฟฟ้าในสหรัฐ 

         ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือEGCO Group  กล่าวว่า  ตามที่ได้มีการลงนามสัญญาการลงทุนของผู้ถือหุ้น (Equity Capital Contribution Agreement)กับบริษัทApex Pinnacle II Member, LLCซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทApex Clean Energy Holdings, LLC (Apex)เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน49%ในกลุ่มโรงไฟฟ้าPinnacle ll (ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน2แห่ง กำลังผลิตรวม251เมกะวัตต์) ปัจจุบันEGCO Groupได้ดำเนินการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าWheatsborough Solarเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่26ก.ย.2568

สำหรับ Wheatsborough Solarเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตเอรี รัฐโอไฮโอ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่12ส.ค.2568และดำเนินการภายใต้ตลาดซื้อขายไฟฟ้าPJMซึ่งเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ครอบคลุมการให้บริการใน13รัฐ รวมทั้งเขตโคลัมเบีย โรงไฟฟ้ามีสัญญาระยะยาวกับผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่น่าลงทุน เพื่อซื้อขายไฟฟ้าและใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสัญญาดังกล่าวช่วยรับประกันความมั่นคงของรายได้ระยะยาว 

ย้ำฐานธุรกิจพลังงานหมุนเวียน

นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าได้จัดหาอุปกรณ์หลัก พร้อมเงื่อนไขการรับประกันจากผู้ผลิตชั้นนำ รวมทั้งมีสัญญาการให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (O&M)และสัญญาการให้บริการจัดการสินทรัพย์ระยะยาวกับApexซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านO&M

“การปิดดีลเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าWheatsborough Solarเป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของEGCO Groupที่มีฐานธุรกิจในตลาดพลังงานของสหรัฐ และเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น30%ของกำลังผลิตทั้งหมด ภายในปี2573นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ ”Triple P“ของEGCO Groupที่มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว”

สำหรับ EGCO Groupเข้าลงทุนในApexซึ่งเป็นผู้พัฒนาและผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP)ที่มุ่งเน้นตลาดพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐ ตั้งแต่ปี2564ด้วยการถือหุ้น17.46%นอกจากการลงทุนในApexในระดับองค์กรแล้วWheatsborough Solarถือเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนลำดับที่2ที่EGCO Groupเข้าลงทุนในโครงการที่พัฒนาโดยApex (โครงการแรกคือ โครงการพลังงานลมDowneast Windกำลังผลิต126เมกะวัตต์ ในรัฐเมน ซึ่งปิดดีลการลงทุนเมื่อเดือนมิ.ย.2568)โดยApexจะยังคงถือหุ้น51%ในกลุ่มโรงไฟฟ้าPinnacle ll (ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าDowneast WindและWheatsborough Solar)

ทั่วโลกยังลุยต่อลงทุนพลังงานหมุนเวียน   ดีมานด์เม็ดเงิน670พันล้านช่วงปี68-73