10อันดับเมืองขนส่งสาธารณะ ถูก สะดวก ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป

ระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อถือได้ เข้าถึงได้ และราคาไม่แพง ช่วยลดมลพิษและการจราจร อีกทั้งยังส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานและการมีส่วนร่วม
United Nations Statistics Division ได้เผยแพร่ข้อมูลจาก 610 เมืองใน 95 ประเทศ ระบุว่า ประชากรเมืองเพียงครึ่งเดียวของโลกเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก ตามข้อมูลเมื่อปี 2019
โดยพบว่าประชากรส่วนใหญ่ต้องเดินทางระยะเดิน 500 เมตรจึงจะถึง ระบบขนส่งสาธารณะความจุต่ำ (รถประจำทางและรถราง) และ 1,000 เมตรจากระบบขนส่งสาธารณะความจุสูง (รถไฟ รถไฟใต้ดิน และเรือข้ามฟาก) นอกจากนี้ หลายๆเมืองยังมีระบบขนส่งที่ไม่เป็นทางการจำนวนมาก ซึ่งมักมีความบกพร่องในด้านความสม่ำเสมอและความปลอดภัย ทั้งนี้เป็นผลจากการมุ่งเน้นการลงทุนระยะสั้นในโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งสาธารณะบนถนนที่ทำให้การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะความจุต่ำได้มากขึ้นนั่นเอง
เพิ่มสัดส่วนเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และปัจจุบันการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง
โดยมีสัดส่วนอยู่ที่18.4 %คิดเป็น 5.29 ล้านคน - เที่ยว/วัน แบ่งเป็นรถไฟฟ้า 5.4% หรือ 1.55 ล้านคน - เที่ยว/วัน รถโดยสารประจำทาง 6.4% หรือ 1.84 ล้านคน - เที่ยว/วัน และอื่น ๆ อีก 6.6% หรือ 1.89 ล้านคน - เที่ยว/วัน
ดังนั้น โครงการฯ จะดำเนินภายใต้กรอบแนวคิด 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ความครอบคลุม ลดความทับซ้อนของรถโดยสารสาธารณะ และเพิ่มความครอบคลุมของโครงข่าย 2. การให้บริการและความเพียงพอ โดยเพิ่มความถี่ของรถโดยสาร เพิ่มจำนวน ตู้ขบวนโดยสาร จัดบริหารรถโดยสารด่วน (Express service)
3. การเข้าถึงการจัดบริการรถโดยสารประจำทางระบบเสริม (Feeder) มีอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และ 4. การปรับปรุงทางเท้า การเชื่อมต่อ – มีจุดเชื่อมต่อและสิ่งอำนวยการเชื่อมต่อการเดินทาง (ITF) ลดเวลาในระบบเปลี่ยนถ่ายระบบเก็บค่าโดยสารที่ใช้ร่วมกันได้หรือระบบตั๋วร่วม
มุ่งลดเวลา-ค่าใช้จ่ายการเดินทาง
“โครงการฯ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้เป็นทางเลือกหลักของประชาชน เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล”
ทั้งนี้ หากสามารถลดจำนวนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลได้จะช่วยบรรเทาปัญหาที่หลากหลายในปัจจุบัน เช่น ช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องการจราจรหนาแน่นและติดขัด โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานพาหนะ และสามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับประชาชนในเขตเมือง
“การสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแนะนำโครงการศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น จากการเดินทางแบบไร้รอยต่อให้สามารถเชื่อมโยงสถานที่ต่าง ๆ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนำมาซึ่งข้อเสนอแนะอันมีประโยชน์ในหลากหลายมิติ รวมถึงแนวทางเชิงปฏิบัติที่จะได้รับการสนับสนุนในการช่วยผลักดันเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
เปิด 10 เมืองระบบขนส่งดีเด่นของโลก
ข้อมูลเผยแพร่ทาง เวบไซด์ PTV Group เมื่อ ก.ค. 2568 ระบุถึงดัชนีความพร้อมในการเดินทางในเมือง (Urban Mobility Readiness Index) ฉบับสมบูรณ์ ว่า จากการพิจารณาระบบขนส่งสาธารณะของเมืองใหญ่ 70 เมืองทั่วโลก โดยประเมินตามเกณฑ์ต่างๆ ได้แก่ คุณภาพของโครงสร้างพื้นฐาน ผลกระทบทางสังคม ความน่าดึงดูดใจของตลาด ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการพัฒนาเครือข่ายที่สร้างสรรค์ พบว่าค่าดัชนีของฉบับที่ 6 (ปี 2567) ซึ่งดัชนีนี้ได้นำเสนอดัชนีย่อยใหม่ที่เน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ประเมินความพร้อมของเมืองในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ยานยนต์ไร้คนขับ (AV) และแท็กซี่ทางอากาศ มาใช้พบว่า
สิงคโปร์ ได้รับการจัดอันดับเมืองแห่งการเดินทางในเมือง (Urban Mobility City Ranking) ประจำปี 2567 ในตำแหน่งสูงสุดด้านระบบขนส่งสาธารณะ และได้รับการยกย่องว่ามีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุดในโลก ด้วยเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนทางราง (MRT) ที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบอัตโนมัติมาตั้งแต่ปี 2546 ในฐานะผู้บุกเบิกระบบรางอัตโนมัติของโลก
ด้านส่วนเสริมของรถไฟฟ้า MRT คือเครือข่ายรถโดยสารประจำทางที่บูรณาการอย่างดีเยี่ยม ช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างราบรื่นทั่วเมือง บริการรถโดยสารประจำทางมีความถี่และเชื่อถือได้ พร้อมช่องทางเฉพาะเพื่อจัดลำดับความสำคัญของการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน
รองลงมาคือ 2. ฮ่องกง โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพ ราคาที่เข้าถึงได้ และการเข้าถึงที่สะดวก โดยผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่อยู่ไม่ไกลจากสถานีที่ใกล้ที่สุด ส่งผลให้ฮ่องกงมีอัตราการใช้ระบบขนส่งสาธารณะสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีสัดส่วนผู้โดยสารที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะสูงถึง 70%
เมืองหลักยุโรปติดอับดับค่าโดยสารต่ำ
ลำดับที่3 คือ สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมืองหลวงของสวีเดนแห่งนี้ติดอันดับสามของเมืองที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุด โดยได้รับการยอมรับในด้านเครือข่ายที่ยั่งยืนและปล่อยมลพิษต่ำ
ลำดับที่ 4. โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยานมากที่สุดในโลก ประชากรมากกว่า 62% เดินทางด้วยจักรยาน ทำให้โคเปนเฮเกนกลายเป็นรูปแบบการเดินทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ลำดับที่ 5. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการยอมรับจากแนวคิด “เมือง 15 นาที” จากการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินและการปั่นจักรยาน อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ยังคงติดอันดับสูงอย่างต่อเนื่องในด้านระบบขนส่งสาธารณะ
ลำดับที่ 6. เวียนนา ประเทศออสเตรีย ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่สามารถเดินไปยังสถานีต่างๆ ได้อย่างสะดวก หนึ่งในจุดเด่นของระบบขนส่งมวลชนของเวียนนาคือราคาที่เข้าถึงได้ ค่าโดยสารรายปีเพียง 365 ยูโร หรือเทียบเท่ากับ 1 ยูโรต่อวัน ทำให้เป็นหนึ่งในระบบที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้เดินทาง
เมืองใหญ่เร่งเป้าหมายคาร์บอนต่ำ
ลำดับที่ 7. เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ชาวเบอร์ลิน 97% ชื่นชมระบบนี้ในเรื่องความน่าเชื่อถือ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย การเปิดตัว Deutschland Ticket ช่วยยกระดับความสามารถในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะในท้องถิ่นและภูมิภาคต่างๆ ทั่วเยอรมนีได้อย่างไม่จำกัดในราคาประมาณ 58 ยูโรต่อเดือน
ลำดับที่ 8. ซูริก สวิตเซอร์แลนด์ แม้ค่าครองชีพของซูริกจะสูง แต่ระบบขนส่งสาธารณะก็ยังคงราคาไม่แพงและเข้าถึงได้ ด้วยประสิทธิภาพและการออกแบบที่ผสมผสานหลายรูปแบบ
ลำดับที่ 9. ออสโล, นอร์เวย์ ออสโลกำลังดำเนินการลดคาร์บอนในระบบขนส่งสาธารณะอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นนี้ รถรางและรถไฟใต้ดินของเมืองใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่แล้ว และภายในปี 2028 ออสโลตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนยานพาหนะขนส่งทั้งหมดให้เป็นพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงรถประจำทางและเรือข้ามฟาก
ลำดับที่ 10. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เครือข่ายการขนส่งของเมืองนี้เชื่อมต่อกับรถโดยสารประจำทาง รถราง และรถไฟโมโนเรลของโตเกียว รวมถึงระบบรถไฟความเร็วสูงแห่งชาติของญี่ปุ่น รวมถึงรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายทั้งภายในเมืองและทั่วประเทศ







