‘สสว.’ เคลื่อน BDS ยกระดับ SME ไทย หนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนปี 69 กว่า 6 พันล้าน

"สสว." เร่งขับเคลื่อนโครงการ BDS หวังยกระดับผู้ประกอบการ SME ไทยให้ฟื้นตัว พร้อมหนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนปี 69 กว่า 6 พันล้าน
KEY
POINTS
- สสว. ยก “โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS” เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายปี 2569 เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทย หลังประสบความสำเร็จสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท
- โครงการ BDS ได้รับการออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์มที่ SME สามารถ “เลือกบริการเอง” เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการรัฐที่ยุ่งยากและต้นทุนสูง โดยมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 22,184 ราย
- สำหรับปี 2569 สสว. ได้รับงบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อยกระดับสู่ “BDS 3.0” ให้เป็นทั้งคลังข้อมูลธุรกิจและเครื่องมือพัฒนาศักยภาพ MSME แบบครบวงจร
- แผนการดำเนินงานปี 2569 จะขยายเกณฑ์อุดหนุน “จ่าย 10,000 คืน 9,000” ให้ครอบคลุมทุกหมวดบริการ, เปิดรับผู้ให้บริการ (BDSP) ภาคเอกชนมากขึ้น และเชื่อมต่อระบบกับหน่วยงานภายนอกเพื่อความรวดเร็ว
- โครงการมุ่งเป้าเจาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง เช่น ธุรกิจ Health & Wellness, Creative & Lifestyle, โลจิสติกส์ และอีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ในภาวะที่ผู้ประกอบการ SME ไทยจำนวนมากยังติดกับดักการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งจากเงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวด ดอกเบี้ยสูง และข้อจำกัดด้านหลักประกัน ทำให้หลายกิจการไม่สามารถขยายธุรกิจได้เต็มศักยภาพ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้มีบทบาทสำคัญในฐานะ “ตัวช่วย” ที่เชื่อมต่อ SME เข้ากับแหล่งทุนและบริการที่จำเป็น ผ่านโครงการและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ดร.ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดใจกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทย โดยยก “โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service)” เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของปี 2569 หลังประสบความสำเร็จต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 และได้รับรางวัลเลิศรัฐอันทรงเกียรติในปีที่ผ่านมา
“แพลตฟอร์ม BDS ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ Pain Point ที่ SME เผชิญมายาวนาน เช่น การเข้าถึงบริการรัฐที่ยุ่งยาก การแบกรับต้นทุนสูง หรือการขาดมาตรฐานสินค้าสำหรับแข่งขันในตลาด การทำงานของ BDS แตกต่างจากโครงการรัฐแบบเดิม ๆ ตรงที่ผู้ประกอบการไม่ต้องผ่านเงื่อนไขซับซ้อนหรือรอการคัดเลือก แต่สามารถ ‘เลือกบริการเอง’ ได้ทันทีบนระบบ เหมือนซื้อของผ่านอีมาร์เก็ตเพลส” ดร.ปณิตา กล่าว
จากโครงการรัฐสู่ “แพลตฟอร์มตอบโจทย์ตรงใจ”
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนกับ BDS แล้วกว่า 22,184 ราย มีผู้ให้บริการธุรกิจ (BDSP) มากกว่า 250 หน่วยงาน และมีบริการสะสมบนแพลตฟอร์มมากกว่า 1,000 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่การเพิ่มผลิตภาพ การบริหารจัดการ ไปจนถึงการตลาดและการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
ที่ผ่านมา มี SME กว่า 2,000 ราย ที่ใช้บริการจริงและก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญว่า BDS ไม่ได้เป็นเพียงโครงการสนับสนุน แต่ทำงานเสมือน “กลไกเศรษฐกิจ” ที่มีผลเชิงประจักษ์
ความสำเร็จนี้ยังทำให้โครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” ภายใต้ BDS ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประเภท “บริการตอบโจทย์ตรงใจ” ในปี 2568 โดยถือเป็นการยืนยันว่า BDS ได้เปลี่ยนจากโครงการรัฐที่เป็น One Size Fits All มาเป็น แพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการจริง ของผู้ประกอบการ
BDS 2569 ชูงบ 300 ล้านบาท ปรับเกมใหม่
สำหรับปี 2569 สสว. ได้รับงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อน BDS ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้ายกระดับสู่ “BDS 3.0” ที่ทำหน้าที่ทั้งเป็น คลังข้อมูลธุรกิจระดับชาติ และเป็น เครื่องมือพัฒนาศักยภาพ MSME แบบครบวงจร โดยสาระสำคัญคือ
1. ขยายเกณฑ์ “จ่าย 10,000 คืน 9,000” จากเดิมที่จำกัดเพียงบริการอบรม บัญชี หรือการนำเทคโนโลยีมาใช้ สู่ทุกหมวดบริการ เช่น การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บ การขอ อย. หรือการรับรองมาตรฐานสากล
2. เปิดกว้าง BDSP ภาคเอกชน โดยเพิ่มเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น ต้องโปร่งใส จดทะเบียนถูกต้อง ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานรัฐหรือองค์กรวิชาชีพ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพ
3. เชื่อมต่อระบบ BDS กับหน่วยงานภายนอก เพื่อให้การอนุมัติ การตรวจสอบ หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ เป็นอัตโนมัติและรวดเร็วขึ้น ลดความล่าช้าแบบราชการ
โครงการปี 2569 ยังมุ่งเจาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง เช่น ธุรกิจ Health & Wellness, Creative & Lifestyle, โลจิสติกส์, และอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไทยมีความได้เปรียบและสอดรับกับกระแสเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน หน่วยงานผู้ให้บริการธุรกิจ (BDSP) ก็ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายทางอ้อม โดยการเปิดโอกาสให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีบทบาท จะช่วยเพิ่มการแข่งขันและทำให้บริการหลากหลายมากขึ้น
ลุยสื่อสารเชิงรุก-ประเมินผลจริงจัง
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญคือการสื่อสารเชิงรุก สสว. เตรียมเดินหน้าผ่านสื่อออนไลน์ขององค์กร แพลตฟอร์ม SME One และการลงพื้นที่ร่วมกับสมาคมการค้า–หอการค้า เพื่อสร้างการรับรู้สิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครจนถึงการใช้บริการ
นอกจากนี้ จะมีการ “ประเมินผลจากหลายมิติ” ทั้งแบบสอบถามจาก SME ผู้ใช้งานจริง เสียงสะท้อนจากผู้ให้บริการ BDSP และการประเมินจากหน่วยงานภายนอก เพื่อให้ BDS ไม่ใช่โครงการที่อยู่บนกระดาษ แต่เป็นระบบที่ “พัฒนาได้จริง” และ “ปรับปรุงต่อเนื่อง”
ดร.ปณิตา ย้ำว่า การทำงานของ สสว. ไม่ได้หยุดแค่การผลักดันนโยบาย แต่ต้องทำให้ผู้ประกอบการ “รู้สึกว่ารัฐอยู่ใกล้ ไม่ใช่อีกฟากหนึ่งที่แตะไม่ถึง” โดย BDS ไม่ใช่แค่ระบบดิจิทัล แต่คือสะพานที่เชื่อม SME กับรัฐและเอกชน เราอยากให้ผู้ประกอบการรู้สึกว่า เมื่อเขาต้องการพัฒนาธุรกิจ ไม่ว่าจะเรื่องมาตรฐาน การตลาด หรือการเงิน เขาสามารถ ‘กดเลือก’ และได้สิ่งนั้นจริง ๆ โดยมีรัฐช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุน
การเดินหน้าของ BDS ในปี 2569 จึงไม่ใช่เพียงโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการ แต่คือ “การพลิกโฉมบริการภาครัฐ” ให้ทันสมัย โปร่งใส และตรงใจผู้ประกอบการมากที่สุด ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับ MSME ไทยให้แข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลก







