'ชไนเดอร์ อิเล็คทริค' ชี้โอกาสไทยสูงด้าน Sustainability หนุนแต้มต่อแข่งขัน

“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” ชี้โอกาสไทยสูงด้าน Green Sustainability ดึงเทคโนโลยีจัดการพลังงาน สร้างแต้มต่อแข่งขัน ชู 3 เครื่องมือ เป็นหัวใจสำคัญสร้างเมืองสีเขียว
นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาว และเมียนมา ร่วมเสวนาในหัวข้อ Collab Talk : Infrastructure for Green CITY ภายในงานสัมมนา “A Call for Adaptation : The Sustainability in Trade & Industry” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 (SX2025) โดยระบุว่าบริษัทเราเป็นผู้นำเทคโนโลยีระบบไฟฟ้า และ Smart Grid Technology มุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ และมีแผน Net Zero ภายในปี 2050
โดยการดำเนินงานของบริษัท ตั้งเป้าทำธุรกิจที่ช่วยลดหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซ ที่ผ่านมาบริษัท ได้ช่วยพาร์ตเนอร์ และลูกค้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไปแล้ว 734 ล้านตัน จากเป้าหมาย 700 ล้านตัน ภายในปีนี้ และตั้งเป้าบรรลุคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Neutral) ภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่การผลักดันเมืองสีเขียว บริษัทมองว่าต้องเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า และดิจิทัลเทคโนโลยี คือ Smart Grid ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงฝั่ง Supply และ Demand เพื่อให้ใช้พลังงานสะอาดได้มากที่สุด
อีกทั้งต้องสนับสนุนให้เกิดการพัฒนา Transportation การมีระบบขนส่งพลังงานสะอาด (อีวี) และมีจุดชาร์จรองรับเป็นเทรนด์ของโลกในขณะนี้ รวมไปถึงระบบราง รถไฟฟ้าที่จะมีมากขึ้น ส่วนนี้ต้องไปเชื่อมพลังงาน ซึ่งบริษัทมีนวัตกรรมนำเข้ามาปรับใช้ เกิดขึ้นได้จากการวางแผนด้วยเรียลไทม์ดาต้า ส่งเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการพลังงานต่างๆ
ส่วนอาคารสำนักงานต่างๆ ก็ต้องพัฒนาบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี เน้น Data และ Energy Management อาคารในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นผู้ผลิต และผู้ใช้ในตัว และเชื่อมต่อกับ Smart Grid สามารถผลิตพลังงานและใช้เองได้
นายมงคล กล่าวด้วยว่า บริษัทมีตัวอย่างของการทำงานที่ประสบความสำเร็จจากการบริหารจัดการพลังงานด้วยเทคโนโลยี เช่น ที่เซี่ยงไฮ้ได้เข้าไปช่วยวางแผนจัดการพลังงาน ระบบรถไฟฟ้า ที่ต้องการใช้ระบบบริการผู้โดยสารต่อวันมากกว่า 10 ล้านคน และต้องสะดวกสบาย ความมั่นคงระบบรถไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนี้ได้
อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานของบริษัท ซึ่งอยู่ที่ดูไบ เป็นอาคารต้นแบบสำหรับอาคารของบริษัททั่วโลก พื้นที่มากกว่า 1 หมื่นตารางเมตร พนักงานมากกว่า 1 หมื่นคน ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานมากกว่า 37% เทียบกับอาคารเดิม และมีนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ จัดแสดง รวมไปถึงเทรนนิ่งเซนเตอร์ และพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้
“ในไทยพาร์ตเนอร์ของเรา และลูกค้าเราตื่นตัวมาก ในเรื่องของความยั่งยืน การจัดการพลังงาน เชื่อว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีโอกาสเยอะมาก เรื่องของ sustainability นอกจากช่วยลดคาร์บอน ยังช่วยสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน ดังนั้นสิ่งที่เราปรับตัวเรื่องกรีนเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน นอกจากการดำเนินงานตามกฎกติกาที่ภาครัฐบังคับ” นายมงคล กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







