สลากฯ จ่อเคาะสัดส่วนคืนเงินเพื่อออม ผู้ซื้อไม่ถูกรางวัล สรุปชัดสัปดาห์หน้า

สลากฯ จ่อเคาะสัดส่วนคืนเงินเพื่อออม ผู้ซื้อไม่ถูกรางวัล สรุปชัดสัปดาห์หน้า

สำนักงานสลากกินฯ เตรียมสรุปสัดส่วนคืนเงิน ให้ผู้ซื้อสลากดิจิทัลที่ไม่ถูกรางวัล คาดได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอให้บอร์ดอนุมัติและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือนตามนโยบายรัฐบาล

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ พร้อมรับนโยบายของรัฐบาลในการเดินหน้าศึกษาโครงการ Cash Back หรือการคืนเงิน ให้กับประชาชนที่ซื้อสลาก L6 ในรูปแบบดิจิทัล (สลากดิจิทัล) แล้วไม่ถูกรางวัล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสนับสนุนการออมของรัฐบาลอีกรูปแบบหนึ่ง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องสัดส่วนการคืนเงินที่ชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า

"เราได้มีการหารือกับปลัดกระทรวงการคลังในเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องสัดส่วนการคืนเงินในสัปดาห์หน้า และจะเสนอให้คณะกรรมการสลากฯ อนุมัติ เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามเดินหน้าต่อไป โดยกำหนดให้การคืนเงินเกิดขึ้นได้ภายใน 4 เดือนตามนโยบายของรัฐบาล" พันโท หนุน กล่าว

สำหรับการคืนเงินให้กับประชาชนนั้น จะมาจากงบประมาณในส่วนของค่าบริหารจัดการและจำหน่าย 17% ของรายได้จากการจำหน่ายสลากฯ ทั้งหมด ซึ่งโครงสร้างรายได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. จัดสรรเป็นเงินรางวัล 60% 2. นำรายได้ส่งเข้ารัฐ 23% และ 3. ค่าบริหารจัดการและจำหน่าย 17%

ทั้งนี้ ในสัดส่วน 17% ดังกล่าว ได้มีการจัดสรรเป็นส่วนลดให้กับตัวแทนจำหน่าย มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ อยู่แล้วประมาณ 12-14% ทำให้เหลือเป็นค่าบริหารจัดการของสำนักงานสลากฯ จริงเพียง 3-5% ซึ่งใช้สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยสำนักงานสลากฯ จะต้องนำเงินจากส่วนนี้มาจัดสรรเพื่อคืนให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ยอมรับว่า จากงบประมาณ 17% นั้น ยังมีตัวชี้วัดที่กำหนดให้สำนักงานสลากฯ ต้องนำเงินส่งคืนรัฐอีกส่วนหนึ่ง โดยในแต่ละปีสำนักงานสลากฯ มีรายได้จากสัดส่วนดังกล่าวประมาณ 9,000 ล้านบาท และต้องนำส่งคืนรัฐ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องเข้าไปพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งว่าจะสามารถแบ่งสัดส่วนเพื่อนำมาคืนเงินให้ประชาชนได้อย่างไร

"พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 กำหนดไว้ชัดเจนว่ารายได้ 23% ที่ต้องนำส่งเข้ารัฐ ไม่สามารถนำไปใช้ในส่วนอื่นได้ ดังนั้น เราจึงจะเข้าไปดูรายละเอียดในส่วนค่าบริหารจัดการ 17% ว่าสามารถแบ่งสัดส่วนออกมาได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งปัจจุบันยอดขายสลากดิจิทัลต่องวดอยู่ที่ประมาณ 27 ล้านใบ"

ส่วนประเด็นเรื่องความจำเป็นในการเพิ่มราคาสลากเพื่อเพิ่มสัดส่วนงบบริหารจัดการนั้น พันโท หนุน กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ เคยจัดทำแบบสอบถามแล้ว ซึ่งหากมีการเพิ่มราคาสลากจาก 80 บาทเป็น 100 บาท ก็จะทำให้เงินรางวัลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่เนื่องจากปัจจุบันราคาสลากในตลาดยังคงสูงเกิน 80 บาทอยู่ จึงยังไม่ควรมีการปรับขึ้นราคาในขณะนี้

ท้ายที่สุด พันโท หนุน ยืนยันว่า โครงการคืนเงินนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการออม และไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อแข่งขันกับโครงการ "หวยเกษียณ" ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) แต่เป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถออมได้ทั้งสองช่องทาง โดยหลักการเบื้องต้น ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถถอนเงินคืนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ส่วนผู้ที่มีอายุ 56 ปีขึ้นไป จะสามารถออมต่อได้อีก 5 ปี