4 ปี มหากาพย์คดีหนี้ 'รถไฟฟ้าบีทีเอส' กทม.จ่อจ่ายจบ 3.2 หมื่นล้าน

กทม. เตรียมปิดตำนานหนี้ "รถไฟฟ้าบีทีเอส" หลังสู้คดีค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงมานานกว่า 4 ปี ล่าสุดชงสภา กทม. ขอจัดสรรงบ 3.2 หมื่นล้านบาท จ่ายจบทั้งหมด
KEY
POINTS
- กทม. เสนอตั้งรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2569 วงเงินกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแก่ BTSC
- งบประมาณดังกล่าวจะมาจากเงินสะสมจ่ายขาดของ กทม. เพื่อใช้ชำระหนี้ที่ค้างจ่ายมาตั้งแต่ปี 2564 และหนี้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
- การตัดสินใจชำระหนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ กทม. ชำระหนี้แก่ BTSC รวม 2 คดี เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตัดใจเสนอจ่ายจบ ปิดตำนานฟ้องร้องยาวนาน 4 ปี
15 ก.ค.2564 บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรุงเทพธนาคม (KT) ชำระค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (คดี O&M 1) นับเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การทวงหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว
โดยหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สะสมมานั้น จุดเริ่มต้นเมื่อปี 2560 เปิดเดินรถช่วงสถานีสำโรง-สถานีปู่เจ้าสมิงพราย ในวันที่ 3 เม.ย. 2560 แต่ยังไม่มีการชำระค่าจ้าง และหนี้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย.2562 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ 3/2562 เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) โดยให้กระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการดูแลการต่อสัญญาสัมปทานให้ BTSC แลกกับภาระหนี้สินรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ขณะที่ปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขการเจรจาดังกล่าวแล้ว แต่ กทม.ยังคงไม่ชำระค่าจ้างงานต่างๆ จึงเป็นผลทำให้ BTS ต้องนำเรื่องเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมาย และหลังจากยื่นฟ้องใน คดี O&M1 ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2567 ศาลปกครองสูงสุด สั่งให้ กทม. และ KT ชำระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย BTSC จำนวน 11,750 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยภายใน 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
โดยระหว่างนั้น BTSC ได้ยื่นฟ้องค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (คดี O&M 2) ซึ่งเป็นค่าจ้างที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 ถึงวันที่ 20 พ.ย.2565 รวม 11,811 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดวันที่ 29 ก.ย.2568 ศาลปกครองกลางตัดสิน ให้ กทม.ชำระภายใน 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
อย่างไรก็ดี เมื่อทิศทางของคดีเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ส่งผลให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นญัตติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 พ.ศ. ..... จำนวนไม่เกิน 32,625,106,200 บาท เป็นรายจ่ายพิเศษ จ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ชำระหนี้รถไฟฟ้า BTSC ตามที่คณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
โดย ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า หลังจากมีคำสั่งศาลออกมาก็ทำให้ กทม.มั่นใจและมีหลักในการทำงานต่อได้ และจะทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ ที่ผ่านมามีขั้นตอนในกระบวนการเจรจากว่าจะมีคำสั่งศาลออกมา และฝ่ายบริหารได้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว อาจไม่ถูกใจทุกคนและไม่รวดเร็ว แต่ทำด้วยความรอบคอบ เราเคารพคำตัดสินของศาลซึ่งจะน้อมรับและปฏิบัติตาม
จากนั้นที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติรับหลักการ และให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา จำนวน 24 ท่าน กำหนดพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 45 วัน
สำหรับจำนวนเงินที่ กทม.ประเมินจ่ายให้ BTSC รวมไม่เกิน 32,625,106,200 บาทนั้น เป็นการประเมินเพื่อชำระค่าจ้างงานเดินรถ และซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีจำนวนหนี้คงค้างอยู่ทั้งหมด ประกอบด้วย
หนี้ก้อนที่ 2 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 ถึงวันที่ 20 พ.ย.2565 รวม 11,811 ล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางตัดสินวันที่ 29 ก.ย.2568 ให้ กทม.ชำระภายใน 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
หนี้ก้อนที่ 3 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ พ.ย.2565 - ธ.ค.2567 รวม 17,596 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 15,762 ล้านบาท และดอกเบี้ย 1,833 ล้านบาท(ยังไม่มีการฟ้องคดี)
หนี้ก้อนที่ 4 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2568 - พ.ค.2568 รวม 3,697 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 3,650 และดอกเบี้ย 46.78 ล้านบาท (ยังไม่มีการฟ้องคดี)







