เก็บตกจากเวที OECD แนะ 4 ข้อสำคัญ ปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย

เก็บตกจากเวที OECD แนะ 4 ข้อสำคัญ ปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย

 ประเทศไทยได้รับคำแนะนำสำคัญ 4 ประเด็นหลักจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

KEY

POINTS

  • OECD แนะ 4 ข้อสำคัญปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น โดยให้ไทยเสริมสร้างวินัยการคลัง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้และปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณให้ตรงเป้าหมาย
  • ยกระดับผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการส่งเสริมการลงทุน การค้า และเร่งพัฒนาทุนมนุษย์โดยเฉพาะคุณภาพการศึกษาอาชีวศึกษา
  • เตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยพัฒนาระบบเตือนภัย โครงสร้างพื้นฐาน และมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
  • ปฏิรูปเศรษฐกิจนอกระบบเพื่อสร้างงานที่มั่นคง ผ่านการพัฒนาทักษะแรงงาน ปรับปรุงระบบประกันสังคม และส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าสู่ระบบมากขึ้น

เมื่อเร็วๆนี้นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยนางสาวอานันท์ชนก สกนธวัฒน์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค และคณะเจ้าหน้าที่จากกองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค และกองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจและการพัฒนา (Economic and Development Review Committee: EDRC) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development) หรือ "OECD" เพื่อพิจารณารายงานการสำรวจเเละประเมินสถานะทางเศรษฐกิจประเทศไทย ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 (Economic Survey of Thailand 2025) ณ สำนักงานใหญ่ OECD กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้รับเกียรติจากนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส และเจ้าหน้าที่สถานทูตเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าวด้วย

ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

1. เสริมแกร่งวินัยการคลัง เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บรายได้ OECD เน้นย้ำความสำคัญของการเพิ่มศักยภาพทางการคลังทั้งระยะสั้นและปานกลาง โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่าและตรงเป้าหมายมากขึ้น เพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงรองรับการพัฒนาในระยะยาว

 2. ยกระดับผลิตภาพ เพิ่มขีดแข่งขัน ประเด็นนี้ครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่การส่งเสริมการลงทุนและอำนวยความสะดวกทางการค้า การเพิ่มบทบาทรัฐวิสาหกิจ การพัฒนากฎหมายแข่งขัน ไปจนถึงการปรับปรุงกฎระเบียบที่ซับซ้อนและแก้ไขปัญหาคอรัปชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง OECD แนะนำให้ไทยเร่งพัฒนาทุนมนุษย์ผ่านการยกระดับคุณภาพการศึกษาอาชีวศึกษา ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างแรงงานฝีมือรองรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่

3. รับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ สร้างความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการฯ แนะนำให้ไทยพัฒนาขีดความสามารถบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเตือนภัยและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการดำเนินการสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ยังเน้นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างมาตรการจูงใจสนับสนุนการปรับตัวของภาคเกษตร ประมง และท่องเที่ยว พร้อมลดมลพิษและปรับปรุงระบบรีไซเคิล

 

4.ปฏิรูปเศรษฐกิจนอกระบบ สร้างงานมั่นคง OECD มองว่าการลดสัดส่วนเศรษฐกิจนอกระบบเป็นวาระสำคัญ โดยเสนอแนวทางครอบคลุม 3 ด้าน คือ การพัฒนาการศึกษาและทักษะแรงงานเพื่อสร้างงานที่มั่นคงโดยเน้นคุณภาพอาชีวศึกษา การปรับปรุงระบบประกันสังคมให้ครอบคลุมและสร้างแรงจูงใจทำงานในระบบ และการส่งเสริมให้ธุรกิจดำเนินการในระบบผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบ ลดความซับซ้อนในการจัดเก็บภาษีสำหรับ SMEs และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

การจัดทำรายงานการสำรวจและประเมินสถานะทางเศรษฐกิจครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญภายใต้เส้นทางการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ไทยเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศสมาชิก นำไปสู่การกำหนดนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ คณะผู้แทนจาก สศช. ยังได้เข้าร่วมในการประชุมกับคณะทำงานของ OECD ในการปรับแก้ร่างรายงานการสำรวจและประเมินสถานะทางเศรษฐกิจประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุมและความเห็นของคณะกรรมการเศรษฐกิจและการพัฒนา รวมถึงการหารือเพื่อเตรียมการการประชุมเผยแพร่รายงานฯ ดังกล่าวต่อไป โดยการจัดทำรายงานการสำรวจและประเมินสถานะทางเศรษฐกิจ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสำคัญภายใต้กระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ซึ่งสร้างความร่วมมือในการศึกษาและแลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกัน โดยจะสามารถช่วยผลักดันให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้เข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของประเทศสมาชิกของ OECD และนำไปสู่การกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป