ครม. ไฟเขียวงบกลางฯ 2.2 หมื่นล้าน เติมบัตรสวัสดิการฯ จ่าย พ.ย.-ธ.ค. นี้

ครม. ไฟเขียวงบกลางฯ 2.2 หมื่นล้าน เติมบัตรสวัสดิการฯ จ่าย พ.ย.-ธ.ค. นี้

ครม.ไฟเขียวงบกลางฯ วงเงิน 2.2 หมื่นล้าน เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านคน รับเงิน เดือน พ.ย.-ธ.ค. เพิ่มเป็นคนละ 1,150 บาท

วันที่ 30 ก.ย. 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้ใช้ เงินงบกลางรายการใช้จ่ายฉุกเฉินปี 2568 เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ถือบัตรฯ จำนวน 13.4 ล้านคน

ครม. อนุมัติงบกลางฯ ในวงเงินรวม 22,780 ล้านบาท โดยจะดำเนินการเติมเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ถือบัตรคนละ 1,700 บาทการเติมเงินจะแบ่งจ่ายเป็นสองครั้ง ครั้งละ 850 บาท ในระยะเวลา 2 เดือน คือใน เดือนพ.ย. และ ธ.ค. 2568

นายสิริพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ถือบัตรจะได้รับเงินรวมในแต่ละเดือนเป็นจำนวน 1,150 บาท ซึ่งประกอบด้วยเงินเดิมที่ได้รับ 300 บาท รวมกับเงินที่เติมเพิ่มเข้าไป 850 บาท ทั้งนี้ เงินส่วนที่เติมเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ถือบัตร สามารถใช้จ่ายได้ทันที รวมถึง สามารถกดเป็นเงินสดออกมาใช้ได้ ตามเงื่อนไขเดิมของโครงการ 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับเงินเติมพิเศษนี้แล้ว จะไม่เข้าข่ายผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการ "คนละครึ่งพลัส" อีก เพื่อให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เกิดความซ้ำซ้อน

อย่างไรก็ตาม ในการจัดทำโครงการคนละครึ่งพลัสในส่วนของประชาชนทั่วไป และก็ประชาชนผู้เสียภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะนำหลักเกณฑ์และรายละเอียดเข้ามาในการประชุมครม.ครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า โดยยืนยันว่าการดำเนินการจะไม่มีการล่าช้า และยังอยู่ในกำหนดการเดิม และจะมีวงเงินเพียงพอในการดำเนินโครงการ

ขณะเดียวกันตามกระแสข่าวว่าจะมีการใช้แอปฯ ทางรัฐ เข้ามาร่วมกับโครงการคนละครึ่งพลัสด้วยนั้น นายสิริพงศ์ ระบุว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน ในการดำเนินการระยะนี้จะไม่มีการดึงแอปฯทางรัฐเข้ามา เพราะจะใช้แอปฯ เป๋าตังก่อนเท่านั้น

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบการใช้เงินงบกลางที่เหลือวงเงิน 35,960 ล้านบาท โอนเงินไปให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นการชำระหนี้ตามมาตรา 28 ตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อให้ธนาคารมีสภาพคล่องในการบริหารงานมากขึ้น