ไทยยูเนี่ยน ทะลุเป้า Blue Finance โชว์ปิดดีลอีก2.4 หมื่นล้าน

ไทยยูเนี่ยน ประกาศ Blue Finance สำเร็จ หลังยอดจองหุ้นกู้ยั่งยืนท่วมท้น สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมโชว์ศักยภาพการเงินแข็งแกร่งปิดดีลเงินกู้ยั่งยืนครบแผง รวม 2.4 หมื่นล้านบาท
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรทางทะเล) (Blue Bond) หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond หรือ SLB) และสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan หรือ SLL) ของบริษัทถือว่าประสบผลสำเร็จ โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยยอดจองซื้อทะลุเป้าถึง 3.68 เท่า จากเป้าหมายการระดมทุนที่ 7,000 ล้านบาท จึงได้เพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้เป็น 9,000 ล้านบาท
การระดมทุนดังกล่าว ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนบรรลุเป้าหมาย Blue Finance หรือการบริหารจัดการการเงินเพื่อการทำงานด้านการอนุรักษ์ท้องทะเล โดยสามารถระดมทุนจากแหล่งเงินทุนที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนได้เกินเป้าหมายปี 2568 ซึ่งกำหนดไว้ที่ 75% ของเงินกู้ยืมระยะยาวเป็นระดับที่ 80% พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 100% ภายในปี 2573
“ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบริษัท และสะท้อนจุดยืนที่ชัดเจนถึงการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยนอกจากความสำเร็จด้านการระดมทุนแล้ว แรงสนับสนุนและความไว้วางใจจากนักลงทุนยังช่วยผลักดันให้ไทยยูเนี่ยนเดินหน้ากลยุทธ์ทางการเงินให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน SeaChange® 2030 และพันธกิจของเราในการมุ่งสร้างสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ‘Healthy Living, Healthy Oceans’ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตที่เท่าเทียมและยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก”
ทั้งนี้ ธุรกรรมล่าสุดในเดือนกันยายนมีมูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อ SLL จำนวน 10,000 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 9,000 ล้านบาท จากกลุ่มพันธมิตรสถาบันการเงินชั้นนำ โดยนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการออกหุ้นกู้แบบผสมผสานระหว่าง หุ้นกู้ Blue Bond และหุ้นกู้ SLB ซึ่งได้รับความต้องการที่ล้นหลามจากนักลงทุน ส่งผลให้ยอดจองหุ้นกู้สูงเกินกว่ายอดเสนอขาย ทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดของช่วงเสนอขายในทุกช่วงอายุของหุ้นกู้ ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อสถานะทางการเงินและวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของบริษัท
โดยมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.70% หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.20% หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.46% นอกจากนี้ สถานะทางการเงินของไทยยูเนี่ยนยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุดบริษัทได้รับการประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ไว้ที่ระดับ A+ ต่อเนื่อง
นายยงยุทธ เสฏฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนสามารถระดมทุนด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำที่สุดในประวัติการณ์ของบริษัท ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมาย ความสำเร็จนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อความแข็งแกร่งด้านการเงินและทิศทางกลยุทธ์ของบริษัท การออกหุ้นกู้ที่มีโครงสร้างแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และยอดจองหุ้นกู้ที่สูงกว่ายอดเสนอขายนั้น สะท้อนชัดเจนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืนที่มีความซับซ้อน
สถาบันการเงินที่มีบทบาทในการจัดจำหน่ายหุ้นกู้และให้สินเชื่อในครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (สำหรับทั้งหุ้นกู้และสินเชื่อ) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (สำหรับหุ้นกู้) และธนาคารแห่งประเทศจีน (ฮ่องกง) จำกัด ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด ธนาคารโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด สาขาสิงคโปร์ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย และธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศสิงคโปร์ (สำหรับสินเชื่อ)
นอกจากนี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนยังได้รับเงินกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล (Blue Loan) มูลค่า 5,000 ล้านบาทจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และกลุ่มธนาคารพันธมิตร ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมอาหารทะเลในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการเพาะเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืนและการรับรองมาตรฐานสำหรับเกษตรกรกุ้ง ความสำเร็จทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนสามารถระดมทุนเพื่อความยั่งยืนทางทะเล รวมทั้งสิ้น 24,000 ล้านบาทในปี 2568
ตราสารทางการเงินเหล่านี้มีบทบาทในการช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ SeaChange® 2030 ของบริษัท ผ่านการสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่สำคัญ เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างมีความรับผิดชอบ และการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของมหาสมุทร โดยหุ้นกู้ SLB จะได้รับประโยชน์ทางการเงินเมื่อองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนด ขณะที่หุ้นกู้ Blue Bond นั้นมุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนโดยตรงไปยังโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและส่งเสริมเศรษฐกิจสีน้ำเงิน
นายยงยุทธ ยังกล่าวว่า จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ที่ส่งผลกระทบภาคการส่งออกของไทย นั้น ในส่วนของไทยยูเนี่ยนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ส่งออกกว่า 90 %ดังนั้นเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว บริษัทใช้วิธีการบริหารจัดการโดยพยายามปิดบัญชีซื้อขายทันที เพื่อรักษาส่วนต่างของค่าเงิน และกำไรในช่วงเวลาที่ทำสัญญาให้ได้มากที่สุด
สำหรับกรณีที่ บริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นไทยยูเนี่ยน เพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายที่จะถือหุ้นรวม 20% จากเดิมที่ถืออยู่ประมาณ 6.19% ในราคา 12.50 บาทต่อหุ้น นั้น ไม่ถือว่าน่าตกใจ เพราะมิตซูบิชิ ประกาศเจตนาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรกแล้ว การเคลื่อนไหวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาวผ่านการลงนามสัญญาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (Business Alliance Agreement) เพื่อร่วมกันผลักดันการเติบโตในธุรกิจอาหารทะเลระดับโลกและขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืน







