'ศุภจี' แจงสภาครั้งแรก เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ดันเจรจาการค้าสหรัฐ

“ศุภจี” แจงสภาครั้งแรก รัฐบาลเดินหน้าลดค่าครองชีพ ดูแลเกษตรกร ดันเจรจาการค้าสหรัฐฯ-FTA พร้อมร่วมมือทุกภาคส่วนปกป้องผู้ประกอบการไทย มั่นใจ 4 เดือน มีผลงานแน่นอน
KEY
POINTS
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แถลงนโยบายต่อรัฐสภาครั้งแรก โดยจะเร่งสรุปผลการเจรจาการค้าต่างตอบแทน (ART) กับสหรัฐฯ ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
- นำเสนอนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจหลายด้าน ทั้งมาตรการลดค่าครองชีพ ป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการ SME
- เดินหน้าเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับคู่ค้าสำคัญอื่น ๆ เช่น สหภาพยุโรปและเกาหลีใต้
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา
โดยชี้แจงถึงนโยบายและภารกิจสำคัญของรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ต่อสมาชิกรัฐสภา ในประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ มาตรการลดค่าครองชีพ ป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศทะลัก-นอมินี การเพิ่มขีดความสามารถ SME และการดูแลสินค้าเกษตร
นางศุภจี กล่าวว่า ความคืบหน้าการเจรจาภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐฯ ไทยสามารถสรุปแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2568 เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาในการทำงานจำกัด ไทยจะเร่งสรุปผลการเจรจาจัดทำความตกลง การค้าต่างประเทศ (Agreement on Reciprocal Trade: ART) ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการเปิดตลาดสินค้า บริการ และ การลงทุน โดยจะดำเนินการเจรจาอย่างรอบคอบ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อภาคการผลิตและตลาดในประเทศ
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานเดียวที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) สำหรับการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังเป็น 65 รายการ และใช้ AI ตรวจสอบถิ่นกำเนิด รวมไปถึงออกมาตรการป้องกันการปลอมแปลงเอกสารอย่างเข้มงวด ส่งผลให้จำนวนการปลอม Form C/O ลดลงอย่างชัดเจน
ก่อนการใช้ระบบการป้องกันการปลอมแปลง ได้พบการปลอมแปลงเป็นจำนวนมากจริง คือ ปี 2565 พบการปลอม 149 ฉบับ ปี 2566 พบการปลอม 168 ฉบับ แต่เมื่อนำระบบการป้องกันการปลอมแปลงมาใช้ในปี 2567 พบการปลอมแปลงเพียง 5 ฉบับ และ ในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลงเลย
ปัจจุบันไทยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) จำนวน 31 กรณี ขณะที่ไทยถูกใช้มาตรการนี้จากต่างประเทศรวม 73 กรณี ส่วน มาตรการหลบเลี่ยง (AC) ไทยใช้ 6 กรณี และถูกใช้กับไทย 4 กรณี สำหรับ มาตรการปกป้อง (SG) ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน ส่วน มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD )ไทยยังไม่ได้ใช้เอง แต่มีการถูกใช้จากต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ 7 กรณี เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ
กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแนวทางปรับปรุงกระบวนการดังนี้ 1.ลดระยะเวลาการรับคำร้องจากเดิม 4 เดือน เหลือ 1 เดือน 2.ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลจำนวนมาก เพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็ว 3.ลดเวลาการไต่สวนจาก 12 เดือน เหลือ 9 เดือน
มาตรการเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการตรวจสอบและปกป้องการค้าของไทยรวดเร็วขึ้น ช่วยผู้ประกอบการไทยรับมือการทุ่มตลาดและปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นางศุภจี กล่าวว่า ส่วนแก้ปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพทะลักจากต่างประเทศและธุรกิจนอมินี กระทรวงพาณิชย์ภายใต้คณะกรรมการฯ ร่วมกับ 16 หน่วยงาน สามารถจัดเก็บ VAT จากสินค้านำเข้ารายย่อยกว่า 2,175 ล้านบาท ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 81,719 คดี ตรวจสอบสินค้าออนไลน์กว่า 54,000 รายการ พร้อมใช้ AI กำกับดูแลตลาดอีคอมเมิร์ซ และเข้มงวดปราบปรามธุรกิจนอมินี
พร้อมกันนี้จะเดินหน้าลดค่าครองชีพประชาชน จัดโครงการมหกรรมธงฟ้าและลดราคาสินค้ากว่า 1,300 ครั้ง ช่วยลดค่าครองชีพกว่า 5,000 ล้านบาท และร่วมมือโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยค่ายา และให้ประชาชนซื้อยาจากร้านภายนอกโรงพยาบาลได้ ลดค่าใช้จ่ายรวม 32,400 ล้านบาท พร้อมควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์จำเป็นอีกกว่า 1,100 ล้านบาท
พร้อมกับเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา ดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบ ทั้งการจัดงานธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อลดค่าครองชีพ การเพิ่มช่องทางตลาดให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใน 7 จังหวัดชายแดน ผ่านงานมหกรรมธงฟ้าในจังหวัดอื่น รวมทั้งกิจกรรมจำหน่ายสินค้าออนไลน์ผ่านไปรษณีย์ไทย สนับสนุนผู้ส่งออกหาช่องทางใหม่ ผ่านการจับคู่ธุรกิจกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์และเข้าร่วมมหกรรมการค้าชายแดนในพื้นที่อื่นๆ
ในส่วนของ FTA จะเร่งบรรลุข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับอียู ไทยกับเกาหลีใต้ โดยจะพยายามทำให้ได้ภายในรัฐบาลนี้และที่สำคัญต้องผลักดันให้เอกชนมาใช้สิทธิประโยชน์ เพราะการไปเจรจา FTA มากประเทศก็ไม่ได้มีประโยชน์ ถ้าเราไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ โดยจะเร่งรัดสนับสนุนให้ความรู้ในการให้สิทธิประโยชน์กับภาคเอกชนใช้ได้จริงและหาตลาดใหม่เพิ่มเติมทั้งตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกา อาเซียน และเอเชียใต้
“ขอเรียนท่านประธานและท่านผู้มีเกียรติด้วยความเคารพ ทางรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจและดิฉันในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีความตั้งใจถึงแม้จะมีเวลาแค่ 4 เดือน แต่เชื่อมั่นว่าจะมีผลสัมฤทธิ์มาแสดงให้ท่านได้เห็น จะปรากฏเป็น KPI ให้ท่านได้ช่วยติดตาม และพร้อมพูดคุยกันเพื่อหาทางร่วมมือทำให้เราสามารถสร้างศักยภาพให้ประเทศไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นางศุภจี กล่าว







