เปิดแหล่งเงิน 6 หมื่นล้าน คนละครึ่งพลัส แจก 33 ล้านคน ลงทะเบียน ต.ค.

'ภราดร' เปิดที่มาเงิน 6 หมื่นล้านบาท ใช้ในโครงการคนละครึ่ง เตรียมเงินทั้งงบกลางฯ ปี 68 และปี 69 โดยการประชุม ครม.นัดพิเศษ 30 ก.ย.68 นี้เตรียมโอนเงิน 2.2 หมื่นล้านเข้ากองทุนฯ
KEY
POINTS
- รัฐบาลเตรียมใช้งบประมาณ 6 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการ "คนละครึ่งพลัส" โดยมาจากงบกลางปี 2568 และงบประมาณปี 2569
- โครงการมีเป้าหมายช่วยเหลือประชาชน 3 กลุ่ม รวมกว่า 33 ล้านคน
- กลุ่มเป้าหมายครอบคลุมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ผู้อยู่ในระบบภาษี และผู้อยู่นอกระบบภาษี
- จะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และคาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายเงินได้ปลายเดือนตุลาคม ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง"
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า "โครงการคนละครึ่งพลัส"ของรัฐบาลจะใช้วงเงินงบประมาณรวมประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยมีประชาชน 3 กลุ่มหลักที่จะได้เงินรวมกว่า 33 ล้านคน โดยรัฐบาลมีการใช้วงเงินจากงบกลางฯ ปี 2568 ที่เหลืออยู่ และงบประมาณจากปี 2569
ได้แก่ กลุ่มที่ 1: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ถือบัตรคนจนจำนวน 13 ล้านคน จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม 1,700 บาทต่อเดือน รวมกับเงินเดิม 300 บาท ทำให้ได้รับรวม 2,000 บาทต่อเดือนในงวดเดียว โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 22,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินเหลือจ่ายของงบประมาณปี 2568 ที่จะโอนเข้ากองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ และโอนตรงให้ผู้มีรายได้น้อย
กลุ่มที่ 2 คือ ผู้อยู่ในระบบภาษี จำนวน 11 ล้านคน (ยื่นแบบภาษี) จะได้รับสิทธิพิเศษในโครงการคนละครึ่งที่ปรับเปลี่ยนจาก 50/50 เป็น 60/40 โดยรัฐบาลจะสมทบ 2,400 บาท และประชาชนเติมเงินอีก 2,000 บาท สามารถจับจ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท
และ กลุ่มที่ 3 คือ ผู้อยู่นอกระบบภาษี จำนวน 9 ล้านคน จะได้รับการเติมเงิน 2,000 บาท โดยงบประมาณสำหรับทั้ง 2 กลุ่ม คือ 2-3 รวมประมาณ 40,000 ล้านบาท และจะใช้เงินงบประมาณในปีงบประมาณ 2569
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้มีการลงทะเบียนใหม่ในโครงการคนละครึ่งพลัสช่วงต้นเดือนต.ค.แต่ผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ขณะที่ผู้ที่อยู่ในเฟสก่อนหน้าหรือไม่เคยเข้าร่วมต้องลงทะเบียนใหม่ โดยประชาชนจะสามารถเริ่มใช้เงินได้ปลายเดือนตุลาคม หากการลงทะเบียนเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เช่นเดิม
ส่วนแนวทางการแก้หนี้ประชาชนนั้น นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลังเตรียมจะนำมาใช้เป็นนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมุ่งเป้าผู้ที่มีหนี้รายย่อยที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย 1 – 2 ล้านสิทธิ โดยเป็นลักษณะของการพักชำระหนี้ และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะครอบคลุมหนี้รายย่อยกับธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์
มาตรการนี้จะมีการพักชำระหนี้ และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังยังมีแนวทางการแก้หนี้ NPL ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงรายละเอียดที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







