‘วิรไท’ ถอดบทเรียนฟื้น ‘การบินไทย’ แนะบอร์ดรัฐวิสาหกิจลดสัดส่วนกรรมการภาครัฐ

‘วิรไท’ ถอดบทเรียนฟื้น ‘การบินไทย’  แนะบอร์ดรัฐวิสาหกิจลดสัดส่วนกรรมการภาครัฐ

‘วิรไท’ ถอดบทเรียนฟื้น ‘การบินไทย’ ชี้รัฐไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ปฏิบัติงาน แนะลดสัดส่วนกรรมการภาครัฐในบอร์ดรัฐวิสาหกิจเหลือไม่เกิน 25% เพื่อดึงมืออาชีพเข้ามาบริหาร ยกระดับธรรมาภิบาลและความสามารถแข่งขันระดับโลก

KEY

POINTS

  • นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่า ธปท. ถอดบทเรียนความสำเร็จในการฟื้นฟูการบินไทย ว่าเกิดจากการให้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการแทนภาครัฐ หลังพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ
  • เสนอให้ภาครัฐลดบทบาทการเป็นผู้ปฏิบัติงาน (operator) ในรัฐวิสาหกิจ และหันไปมุ่งเน้นบทบาทการเป็นผู้กำหนดนโยบายและผู้กำกับดูแลแทน
  • แนะให้กำหนดเพดานสัดส่วนกรรมการจากภาครัฐในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ให้เกิน 25%
  • เปิดทางให้ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาบริหาร และสร้างธรรมาภิบาลที่ดี

เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมาสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดสัมนาประจำปี 2568 ในหัวข้อ “ยกเครื่องโครงสร้างประเทศไทย Thailand’s Institutional Reform”  โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมงานหลายคน นายวิรไท สันติประภพ ประธานกรรมการสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวในหัวข้อการเสวนาหัวข้อ “ยกเครื่องโครงสร้างประเทศไทย ทำอย่างไรให้เป็นจริง” โดยมีสาระสำคัญตอนหนึ่งว่าการฟื้นฟูการบินไทยถือเป็นตัวอย่างของการปฏิรูปโครงสร้างและบทบาทของภาครัฐในเชิงสถาบันที่ควรลดบทบาทในการเข้าไปเป็นผู้ปฏิบัติงาน (operator) การปฏิรูปการบินไทยแสดงให้เห็นว่า รัฐไม่จำเป็นต้องเข้าไปเป็นผู้ปฏิบัติงาน และควรให้คนที่เป็นมืออาชีพ (professional) เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการแทน ซึ่งประเด็นนี้จะถูกยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างของปัญหาด้านธรรมาภิบาล (governance) และความรับผิดชอบ (accountability) ในองค์กรที่ต้องมีการแข่งขันในระดับโลก

ทั้งนี้การบินไทยถือเป็นตัวอย่างของการปฏิรูปที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นการปฏิรูปที่น่าทึ่งเรียกได้ว่า “ว้าว” ทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ ในอดีตการบินไทยเคยเป็น สายการบินแห่งชาติที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และหลายคนคิดว่าสายการบินนี้ไม่น่าจะรอดแล้ว

ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 สายการบินแห่งชาติอื่น ๆ ทั่วโลกแม้แต่ประเทศใหญ่ ๆ มักจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล แต่การบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินส่วนน้อยของโลกที่ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเลยแต่ก็สามารถฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ แนวทางการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดการปฏิรูปคือตามที่ ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์  ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวไว้ว่าให้การบินไทยปลดออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ

‘วิรไท’ ถอดบทเรียนฟื้น ‘การบินไทย’  แนะบอร์ดรัฐวิสาหกิจลดสัดส่วนกรรมการภาครัฐ

“การที่การบินไทยไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป ทำให้มีความคล่องตัวในการปฏิรูปองค์กร ปัจจุบัน การบินไทย ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว และสามารถปฏิรูปกลับมาได้ด้วยมืออาชีพจากภาคเอกชน แต่สิ่งที่ต้องจับตาก็คือแม้ว่าการบินไทยจะสามารถปฏิรูปได้ด้วยมืออาชีพจากภาคเอกชนแล้ว แต่กลับพบว่ากรรมการชุดใหม่ที่ถูกแต่งตั้งเข้าไปกลับเป็น ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐทั้งนั้นซึ่งต้องจับตาต่อไปว่าจะเกิดผลอย่างไรในระยะต่อไป”

ภาครัฐควรลดบทบาท operator

นายวิรไท กล่าวย้ำด้วยว่าปัญหาหนึ่งที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศคือ ภาครัฐชอบไปเป็น operator ซึ่งทำให้ภาครัฐมีขนาดใหญ่และขาดประสิทธิภาพ ในขณะที่บทบาทสำคัญที่รัฐควรเน้นคือการเป็นผู้กำหนดนโยบาย (policy maker) และผู้กำกับดูแล (regulator) เท่านั้น

นอกจากนั้นสิ่งที่ควรพูดถึงก็คือในเรื่องของความรับผิดชอบ (Accountability) ที่ขาดหายไป โดยกรรมการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ควรต้องมีความรับผิดชอบต่อความสำเร็จและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท แต่ในทางปฏิบัติ องค์กรของรัฐวิสาหกิจที่ต้องแข่งขันในระดับโลกกลับมีปัญหาด้านธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบ

โดยสิ่งที่สังเกตเห็นก็คือปัจจุบันรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของประเทศไทยที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีสัดส่วนกรรมการจากภาครัฐที่สูงเกินไป โดยพบว่ามีสัดส่วนของ ข้าราชการ หรืออดีตข้าราชการ อยู่ในคณะกรรมการในระดับที่สูงมาก มากกว่า 40% ในหลายแห่ง

แนะลดสัดส่วนกรรมการภาครัฐในบอร์ดรสก.

เขายังเสนอแนะด้วยว่าควรจะมีกติกาขึ้นมาว่า รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ห้ามมีกรรมการที่มาจากภาครัฐเกิน 25% ของกรรมการทั้งหมด

โดยสัดส่วนนี้จะช่วยให้เกิดการสรรหามืออาชีพ ภายนอกมาทำหน้าที่บริหารจัดการ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างธรรมาภิบาลที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันในการจัดการทรัพย์สินของภาครัฐ จะทำให้รัฐวิสาหกิจกลายเป็นแหล่งในการสร้างรายได้ ให้กับภาครัฐ แทนที่จะเป็นแหล่งรายจ่ายเหมือนหลายรัฐวิสาหกิจที่ยังเป็นอยู่ในปัจจุบัน

“การที่ข้าราชการระดับสูงที่มีภารกิจเต็มเวลาอยู่แล้ว เข้ามาเป็นกรรมการจำนวนมาก อาจส่งผลให้ขาดการบริหารจัดการจากมืออาชีพ (professional) ที่มีความเชี่ยวชาญในการแข่งขันระดับโลก และยังกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรที่จำเป็นต้องมีการแข่งขันมากขึ้นในอนาคต”นายวิรไท กล่าว