โซลาร์ภาคประชาชน 1.5 พันเมก พลังงานสีเขียวยุค ‘อรรถพล’

โซลาร์ภาคประชาชน 1.5 พันเมก พลังงานสีเขียวยุค ‘อรรถพล’

ลดภาระค่าไฟ! 'อรรถพล' รมว.พลังงาน เดินหน้า 'โซลาร์ภาคประชาชน' 1,500 เมกะวัตต์ ชูธงพลังงานสีเขียว มุ่งสู่ Net Zero

KEY

POINTS

  • อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่านโยบายสำคัญคือการสนับสนุนพลังงานสีเขียวเพื่อขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมาย Net Zero
  • นโยบายโซลาร์ภาคประชาชนเป้าหมาย 1,500 เมกะวัตต์ ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่จะสนับสนุนโครงการพลังงานสีเขียวให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
  • กระทรวงพลังงานเคยผลักดันโครงการโซลาร์ภาคประชาชน โดยปี 2564 ได้ปรับเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินเป็น 2.20 บาทต่อหน่วย มีระยะเวลารับซื้อ 10 ปี
  • ก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงาน มีแนวคิดที่จะขยายการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ภาคประชาชนเพิ่มเติม คาดจะเปิดรับซื้อรอบใหม่ไม่น้อยกว่า 400 เมกะวัตต์ต่อปี หลังจากแผน PDP ฉบับใหม่เสร็จสิ้น

หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ได้เตรียมเข้าสู่การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.2568 โดยระหว่างนี้รัฐมนตรีทยอยเข้ากระทรวงเพื่อเตรียมการทำงานหลังการแถลงนโยบาย

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นโยบายด้านพลังงานที่สำคัญ คือ การลดภาระค่าพลังงานแก่ประชาชน ซึ่งช่วงปลายปีเป็นช่วงราคาพลังงานสูงขึ้น เบื้องต้นจะดูการบริหารจัดการให้ราคาพลังงานไม่เป็นภาระให้กับประชาชน รวมถึงการสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำในเรื่องพลังงานสีเขียวเพื่อขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมาย Net Zero

ส่วนนโยบายโซลาร์ภาคประชาชนเป้าหมาย 1,500 เมกะวัตต์ ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่จะสนับสนุนโครงการพลังงานสีเขียวให้ประชาขนได้ประโยชน์ ดังนั้นแผน PDP จึงต้องดูในรายละเอียด ส่วนโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่จะรื้อหรือไม่คงจะต้องเข้าไปดูรายละเอียด

รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการโซลาร์ชุมชน ภายใน 4 เดือน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชนรวม 1,500 เมกะวัตต์ ในระยะเริ่มต้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานผลักดันโครงการโซลาร์ภาคประชาชนเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในฐานะผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยปี 2564 ได้ปรับหลักเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าใหม่ โดยปรับเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากกลุ่มบ้านผู้อยู่อาศัยที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเป็น 2.20 บาทต่อหน่วย จากเดิมรับซื้อ ในราคาไม่เกิน 1.68 บาทต่อหน่วย และมีระยะเวลาการรับซื้อถึง 10 ปี

พร้อมสนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งบนหลังคาสำหรับกลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา โรงพยาบาล และสูบน้ำเพื่อการเกษตร (โครงการนำร่อง) จำนวน 50 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อไฟฟ้าจาก

1.กลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา 20 เมกะวัตต์ 

2.กลุ่มโรงพยาบาล 20 เมกะวัตต์ 

3.กลุ่มสูบน้ำเพื่อการเกษตร 10 เมกะวัตต์ ในอัตรา 1 บาทต่อหน่วย 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาด้วยอัตราการติดตั้งยังมีราคาต้นทุนสูง และอัตรารับซื้อยังไม่จูงใจประชาชน ส่งผลให้ภาคประชาชนให้ความสนใจไม่มากนัก

สำหรับความคืบหน้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนนั้น กระทรวงพลังงานมีแนวคิดที่จะขยายการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ภาคประชาชนเพิ่มเติม หลังจากที่ได้หยุดรับซื้อไฟฟ้าไปตั้งแต่ประมาณเดือน ก.ค. 2567 เนื่องจากมีผู้สนใจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) จำนวนมากเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน จนส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าเต็มโควตาที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดรับซื้อทั้งสิ้น 90 เมกะวัตต์

ดังนั้น กระทรวงพลังงานคาดว่าจะเปิดรับซื้อรอบใหม่ได้ไม่น้อยกว่า 400 เมกะวัตต์ต่อปี โดยอาจต้องพิจารณาในลักษณะปีต่อปีตามความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชนมา เนื่องจากมีผู้ต้องการขายไฟฟ้าเข้าระบบจำนวนมากขึ้น และภาครัฐส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน

อย่างไรก็ตาม จะต้องพิจารณาในส่วนของระบบสายส่งที่จะรองรับปริมาณไฟฟ้าดังกล่าวก่อนด้วย สำหรับการเปิดรับซื้อไฟฟ้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนรอบใหม่ จะต้องรอให้การจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่เสร็จสิ้นก่อน