ระวังนักลงทุนต่างชาติไม่มาระหว่างรอยุบสภา-เลือกตั้ง

เผยโฉมออกมาแล้วสาระสำคัญของนโยบายรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ส่งไปถึงประธานรัฐสภาแจ้งความพร้อมแถลงนโยบายตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. เป็นต้นไป
ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าจำกันได้ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีข่าวว่า นายกฯ อนุทินจะบินไปร่วมแสดงสุนทรพจน์ใน การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งนายกฯ บอกว่าจะรีบเดินทางไปกลับ เพื่อให้ทันการแถลงนโยบายต่อสภา ตอนนั้นนายกฯ ยังเย้าว่า ใช้เวลาเดินทางมากกว่าเวลาแถลงที่ UNGA เสียอีก
แต่สุดท้ายนายกฯ เปลี่ยนใจด้วยเกรงว่า จะกลับมาแถลงนโยบายไม่ทัน ซึ่งก็สมเหตุสมผลเพราะถ้า นายกฯอนุทิน ไปแสดงสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้นำโลก ก็จะเกิดคำถามถึงความชอบธรรมว่าพูดในนามผู้ใด ในเมื่อท่านยังไม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่ถือว่าเป็นตัวแทนประชาชน การไม่ไปยูเอ็นจึงถือว่าประหยัดงบประมาณประเทศชาติได้ทางหนึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข ร่วมกับนโยบายด้านอื่นๆ ได้แก่การแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มโอกาสการออม และ เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า
หลายวันที่ผ่านมานายกฯ อนุทิน เดินสายรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนหลายราย ล่าสุดวานนี้นายกฯ พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ได้แก่ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พบสภาธุรกิจตลาดทุนไทยรับข้อเสนอมาตรการ Quick-Big Win เสริมพลังความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุนและผู้ร่วมตลาด สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ตอกย้ำบทบาทตลาดทุน ในการเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันที่ 24 ก.ย. ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ นายกฯ กล่าวว่า ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรใน 4 เดือนนับตั้งแต่วันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา คาดว่าภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2569 เพื่อคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน ให้ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคม หรืออย่างช้าต้นเดือน เม.ย. 2569 ทั้งนี้สุดแล้วแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะได้กำหนดต่อไป
นั่นหมายความว่า ช่วงเวลาของรัฐบาลเป็นการบริหารงานเฉพาะหน้าเพื่อรอยุบสภาซึ่งเป็นหลักการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือการลงทุนจากต่างชาติคงต้องชะงักงันลงไป เพราะกระบวนการเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาลใหม่ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้เวลานานร่วมสามเดือน นับจากวันแถลงนโยบายถึงต้นเดือน เม.ย. ถือเป็นเวลา 7 เดือนของความไม่แน่นอน นักลงทุนต่างชาติคงไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศที่การเมืองไม่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจเสียหายไปกว่านี้ รัฐบาลควรหามาตรการรับมือนักลงทุนต่างชาติเกียร์ว่างไว้ด้วย







