'Robert Walters' เผยไทยรั้งเบอร์ 3 อาเซียน 'บริษัทข้ามชาติ' เล็งตั้งฮับภูมิภาค

'Robert Walters' เผยไทยรั้งเบอร์ 3 อาเซียน 'บริษัทข้ามชาติ' เล็งตั้งฮับภูมิภาค

ผลสำรวจ Robert Walters ชี้ไทยยังดึงดูดการลงทุนต่างชาติด้วยศักยภาพตลาด ต้นทุนแข่งขันได้ และทำเลเชิงยุทธศาสตร์ บริษัทข้ามชาติเร่งหาพนักงานหลักหลายด้าน หนุนจ้างงานทักษะสูง

KEY

POINTS

  • ผลสำรวจล่าสุดของ "โรเบิร์ต วอลเทอร์ส" ไทยติดอันดับ 3 จุดหมายลงทุนในอาเซียน (รองจากมาเลเซีย-สิงคโปร์) 50% ของบริษัทข้ามชาติที่มีการสำรวจ สนใจขยายธุรกิจ/ตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยใน 24 เดือนข้างหน้า
  • ชี้ปัจจัยดึงดูดจากศักยภาพตลาดและการเติบโตของผู้บริโภค ความคุ้มค่าด้านต้นทุนและความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ 
  • พนักงานในบริษัทกว่า 98% สนใจทำงานกับบริษัทข้ามชาติ เหตุผลหลักคือการพัฒนาทักษะ (79%) ประสบการณ์ต่างประเทศ (64%) และเพิ่มคุณค่าในเรซูเม่ (51%)
  • โรเบิร์ต วอลเทอร์ส ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายว่ารัฐควรเร่งนโยบายดึงแรงงานทักษะสูง ทดแทนแรงงานลด บริหารจัดการค่าเงินบาทแข็งค่า เพื่อรักษาขีดความสามารถการแข่งขัน

การเคลื่อนย้าย และขยายการลงทุน รวมไปถึงการตั้งสำนักงานภูมิภาคเข้ามาในประเทศไทยยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าประเทศไทยยังคงเผชิญความท้าทายทางเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองอย่างต่อเนื่อง 

นางปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประจำประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับทิศทางการลงทุนของบริษัทข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง โรเบิร์ต วอลเทอร์ส ได้ดำเนินการสำรวจต่อเนื่องจากผลการศึกษา Business Outlook ของ UOB  ที่สำรวจประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนิเซีย และสิงคโปร์ เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมมา

ทั้งนี้โรเบิร์ต วอลเทอร์สได้มีการทำสำรวจต่อเนื่องจากบริษัท 400 แห่งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ ที่ดำเนินการในภูมิภาคเอเชียและเอเชียแปซิฟิก ครอบคลุมบริษัทจากจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไทย โดยการสำรวจข้อมูลได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา และพบข้อมูลที่สำคัญว่าในสายตาของบริษัทเอกชนในภูมิภาคเอเชียและเอเชียแปซิฟิก ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนที่จะขยายธุรกิจ หรือเข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่มีแผนที่จะขยายธุรกิจ หรือเข้ามาเปิดสำนักงานใหญ่ข้ามชาติในอาเซียน

โดยผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยติดอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่น่าสนใจในการขยายธุรกิจในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ทั้งนี้จากผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในประเทศไทย โดยกว่า  50% ของบริษัทที่ตอบแบบสอบถามระบุว่ากำลังพิจารณาที่จะขยายธุรกิจเข้ามายังประเทศไทยภายใน 24 เดือน นับจากวันที่ตอบแบบสำรวจ

'Robert Walters' เผยไทยรั้งเบอร์ 3 อาเซียน 'บริษัทข้ามชาติ' เล็งตั้งฮับภูมิภาค

3 ปัจจัยดึงบริษัทข้ามต่างชาติลงทุนไทย 

นางปุณยนุชกล่าวต่อว่าสำหรับปัจจัยหลักที่ดึงดูดให้บริษัทข้ามชาติให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย มีหลายปัจจัยดังนี้

1.ศักยภาพของตลาด (Market Potential) โดย 54% ขององค์กรระบุว่าความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโต (Growing consumer demand) เป็นปัจจัยหลัก โดยยังมองว่าการขยายธุรกิจในไทยเป็นเรื่องของการ เพิ่มฐานลูกค้า ให้กับตนเอง เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ยังคงมี สัญญาณของการเติบโต (Sign of growth) และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกเมื่อเทียบกับบางประเทศ หรือภูมิภาคที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำมาก เช่น ในยุโรป หรือในญี่ปุ่น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยก็ถือว่าได้รับการขับเคลื่อนจากนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง

2. ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและต้นทุน ในการประกอบธุรกิจ โดยกว่า 48% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจยังคงเชื่อมั่นในเรื่องของ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดำเนินอยู่ (ongoing economic growth) และยังคงมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ คุ้มค่าด้านต้นทุน (Cost Effective Market) โดยเฉพาะต้นทุนแรงงานยังคงมีความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

3.ตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทยได้เปรียบ โดยประมาณ 40% ของผู้พิจารณาจะเข้ามาลงทุนในไทยระบุว่าประเทศไทยเป็น ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Geographic Location) ทำให้เป็น "ฮับ" ที่เชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นได้ง่ายในการเดินทาง ซึ่งเอื้อต่อการเดินทางเชื่อมต่อกับประเทศอื่นๆ

22% หนุนไทยศูนย์กลางภูมิภาค

นอกจากนี้ยังพบว่า 22% ขององค์กรกำลังพิจารณาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค (Regional Hub) โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่มีนโยบายขยายธุรกิจตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาค การที่นักลงทุนสนใจขยายฐานยังเป็นกลยุทธ์ในการ กระจายความเสี่ยงในทางธุรกิจ เช่น เรื่องของภาษีตอบโต้ตามนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ และเป็นโอกาสในการ วางแผนภาษี (Tariff) ในแต่ละประเทศด้วย

ผู้จัดการโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประจำประเทศไทย กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการสำรวจที่หลายบริษัทข้ามชาติสนใจลงทุนในประเทศไทยนั้นเริ่มเห็นหลายบริษัทเริ่มมองหาพนักงานในตำแหน่งที่สำคัญสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย โดยตำแหน่งที่เป็น “ฟังก์ชันหลัก” ที่องค์กรจะให้ความสำคัญและเริ่มจ้างงานในระยะเริ่มต้น 5 อันดับแรก จะประกอบด้วย

1.ตำแหน่งพนักงานฝ่ายขาย (Sales) 2.ตำแหน่งงานในสาย Supply Chain & Procurement ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน การจัดซื้อ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการบริหารคลังสินค้าและซัพพลายเออร์ เพื่อให้สินค้าหรือบริการถึงมือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  3.ตำแหน่งการตลาด (Marketing) 4.พนักงานบัญชี หรือการเงิน และ 5.พนักงานในตำแหน่งทรัพยากรบุคคล(HR)  โดยบริษัท 59% ให้น้ำหนักกับตำแหน่งเหล่านี้ในระยะเริ่มต้น เนื่องจากเป็น บทบาทที่จำเป็นต่อการเริ่มดำเนินงานในประเทศใหม่  ขณะที่ 41% มองว่ามีบทบาทสำคัญในการ สร้างรากฐานทางธุรกิจ

98% พนักงาน สนใจทำงานในบริษัทข้ามชาติ

นางปุณยนุชกล่าวเสริมในมุมของแรงงาน ว่าจากการสำรวจพบว่าพนักงานกว่า 98% ที่ทำงานกับบริษัทต่างชาติ มีความสนใจทำงานกับบริษัทต่างชาติ/ข้ามชาติ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการหลายด้าน ได้แก่

1.การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ โดย 79% ระบุว่าต้องการโอกาสในการพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทข้ามชาติมักให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการพัฒนา (Learning and Development)

2. ประสบการณ์และการทำงานต่างประเทศ โดย 64% ต้องการได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและโอกาสในการเดินทางระหว่างประเทศ (International travel) หรือโอกาสในการย้ายไปทำงานต่างประเทศ (relocation) ซึ่งแนวโน้มความต้องการนี้ของแรงงานมีมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะถือเป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ และวัฒนธรรมใหม่ๆ

3.การเพิ่มคุณค่าในประวัติการทำงาน โดย 51% เห็นว่าการทำงานในองค์กรข้ามชาติที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มคุณค่าในประวัติการทำงาน (Resume value) ทำให้โปรไฟล์ดูดีขึ้น

วัฒนธรรมองค์กรยืดหยุ่นเป็นสิ่งจำเป็น

อย่างไรก็ตามปัจจัยเรื่องของค่าตอบแทนยังถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงานกับบริษัท แต่นอกจากค่าตอบแทนที่แข่งขันได้ในตลาด พนักงานที่เป็น “มืออาชีพ” ยังให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆ มากขึ้น โดย 54% ต้องการ วัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น และ 38% ให้ความสำคัญกับ ความหลากหลายและการเปิดกว้าง (Diversity and Inclusion) ขององค์กรซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญมากขึ้นในการพิจารณาเลือกองค์กรที่จะเข้าไปทำงานด้วยในอนาคต ส่วนสิ่งที่จะสร้างความกังวลต่อพนักงานที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติ เช่น  ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ข้อจำกัดเรื่องการย้ายถิ่นฐาน รวมถึงอุปสรรคด้านภาษาเมื่อต้องทำงานกับบริษัทต่างชาติ เป็นต้น

หนุนนโยบายเร่งดึงแรงงานทักษะสูงเข้าไทย

นางปุณยนุชกล่าวด้วยว่าแม้ไทยจะมีจุดแข็งในการดึงดูดบริษัทข้ามชาติเข้ามาตั้งสำนักงาน และมีข้อได้เปรียบในการดึงดูดพนักงานเข้ามาทำงาน จากการที่เอื้อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพและการศึกษาที่ดี และความปลอดภัย รวมทั้งกิจกรรมในการใช้ชีวิตของ “คนทำงาน” ที่มีความหลากหลาย มากกว่าหลายประเทศ ที่เป็นคู่แข่งกับไทย

อย่างไรก็ตามรัฐบาลควรเดินหน้านโยบายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดึงดูดการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะการแก้ไขข้อกังวลของนักลงทุน ได้แก่

1.แก้ไขปัญหาแรงงานและสังคมสูงวัย โดยไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่ สังคมสูงวัย (Aging Society) ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานทักษะสูง (Talent Supply) ดังนั้นรัฐบาลควร เร่งเดินหน้านโยบายหนุนดึงต่างชาติกลุ่มทักษะสูง ในสาขาที่ขาดแคลน เช่น ความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) , Implementation และปัญญาประดิษฐ์ (AI)  โดยควรเน้นไปที่การดึงดูดแรงงานทักษะ (Skill) ที่มีศักยภาพสูงที่ประเทศต้องการซึ่งจะชดเชยจุดอ่อนในเรื่องของการขาดแคลนแรงงาน และประชากรที่ลดลงได้

2.การบริหารจัดการค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยค่าเงินบาทที่ แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออก และการท่องเที่ยว ลดลง แม้จะไม่ได้กระทบการตัดสินใจตั้งฐานการลงทุนโดยตรง หรือไม่ได้กระทบกับรายได้ของพนักงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยแต่ก็ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมแข่งขันได้ยากเนื่องจากกระทบกับธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง เข้ามาดูแลและบริหารจัดการในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

จะเห็นว่าการสำรวจครั้งนี้ตอกย้ำว่า ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการลงทุนในอาเซียน แม้ต้องเผชิญความท้าทายด้านสังคมสูงวัยและความผันผวนของค่าเงิน รัฐบาลจึงควรเดินหน้านโยบายดึงดูดแรงงานทักษะสูง พัฒนาศักยภาพคนไทย และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั่วโลกในระยะยาว