"เอกนิติ" ย้ำ "Quick Big Win" กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 เดือน ยันรักษาวินัยการคลัง

"เอกนิติ" ย้ำ "Quick Big Win" กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 เดือน เดินนโยบายฟื้นระยะสั้น มองผลระยะยาว พร้อมตั้งเป้าปฏิรูปวินัยการคลังสร้างเชื่อมั่น
KEY
POINTS
- เอกนิติ ประกาศนโยบาย "Quick Big Win" กระตุ้นเศรษฐกิจในกรอบเวลา 4 เดือน เน้นมาตรการที่รวดเร็ว และสร้างผลกระทบสูง
- เดินหน้า "คนละครึ่ง พลัส" กระตุ้นใช้จ่ายปลายปี พร้อมยกระดับผู้ประกอบการรายย่อย เร่งปลดล็อกอุปสรรคการลงทุน
- ยืนยันรักษาวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด ใช้งบประมาณเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าลดขาดดุลระยะยาวกลับสู่ 3% ยกระดับธรรมาภิบาลการคลัง
วันนี้ (25 ก.ย.68) เมื่อเวลา 12.40 น. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 กระทรวงการคลัง ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีวันแรก โดยมีผู้บริหารระดับสูง รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานในสังกัด และข้าราชการรอต้อนรับอย่างคับคั่ง
นายเอกนิติ เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับวินัยการคลังและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเร่งการฟื้นตัวในระยะสั้น และหวังผลลัพธ์ระยะยาว
นายเอกนิติ กล่าวว่า ในฐานะรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ นโยบายเศรษฐกิจที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกฯ มีกรอบเวลาสั้นเพียง 4 เดือน แต่จะมุ่งเน้นมาตรการที่เป็น "Quick Big Win" ซึ่งหมายถึง ต้องรวดเร็ว สร้างผลกระทบที่ใหญ่พอ และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ดังนี้
1.มาตรการฟื้นเศรษฐกิจให้เร็ว และสร้างผลระยะยาว เช่น โครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหลังสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม โดยโครงการนี้ใช้เงินจากงบประมาณเดิม และไม่ได้ทำให้การขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ โครงการยังถูกออกแบบให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งเป็นการสะท้อนว่า รัฐบาลคิดถึงวินัยการคลัง และส่งเสริมให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี
2.การยกระดับศักยภาพ Up Skill และ Re Skill ของผู้ประกอบการรายย่อย เช่น การช่วยพ่อค้าแม่ค้าขายหมูปิ้งให้สามารถขายเข้าสู่ระบบ e-commerce หรือออนไลน์ได้มากขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการทำบัญชีที่ง่ายขึ้น โดยจะมีการหารือกับสถาบันการเงินเพื่อให้สามารถเชื่อมข้อมูลการทำบัญชีให้ถูกต้อง และนำไปสู่การขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
โดยเป้าหมายหลักของรัฐบาลคือ การเพิ่มความสามารถในการหารายได้ และให้เกิดการกระจายตัวไปทั่วประเทศ โดยจะเห็นโครงการในลักษณะใกล้เคียงกันนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี
เร่งปลดล็อก อนุมัติการลงทุน
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ตามที่ตนได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยการทำ PPP Fast Track เพื่อเข้ามาปลดล็อกปัญหา และอุปสรรคด้านกฎกติกาการลงทุน เพื่อให้การขออนุญาตต่างๆ เช่น น้ำ ไฟ รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนจริง
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ แต่สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ประเทศได้ เบื้องต้น ได้หารือกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
ส่วนกรณีที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดมุมมองประเทศไทยลงนั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักดี และถือเป็นคำเตือนที่ต้องให้ความสำคัญ แม้จะไม่สามารถพูดถึงความกังวลด้านการเมืองได้ แต่ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ก็จะพยายามตอบโจทย์ความกังวลดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องวินัยการคลัง
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการยกระดับ ธรรมาภิบาลการคลัง (Fiscal Governance) โดยทุกนโยบายจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และระบุชัดเจนถึงต้นทุนงบประมาณ ประโยชน์ที่ได้รับ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นายเอกนิติ ยืนยันว่า เป้าหมายการขาดดุลการคลังระยะยาวให้กลับมาที่ระดับ 3% ซึ่งรัฐบาลจะไม่พูดลอยๆ แต่จะเน้นการกระทำ ให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้เห็น
โดยแผนงานที่สำคัญคือ การจัดทำกรอบการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework) ซึ่งจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในเดือนพ.ย. เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลมีแผนปฏิรูปการคลังที่ชัดเจน และมีความโปร่งใส มีวินัย
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งดำเนินการปฏิรูปรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในส่วนที่ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย และทำได้ทันที รวมทั้งดำเนินนโยบายภายใต้งบประมาณรายจ่ายปี 2569 และจะไม่ได้มีการเพิ่มวงเงิน แต่จะเน้นการใช้จ่ายงบประมาณเดิมให้มีประสิทธิภาพ และตรงเป้าหมายมากขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







