'พิพัฒน์ - มัลลิกา' เข้าคมนาคมวันแรก ประกาศ 4 เดือนดันลงทุนค้างท่อ

'พิพัฒน์ - มัลลิกา' เข้าคมนาคมวันแรก ประกาศ 4 เดือนดันลงทุนค้างท่อ

“พิพัฒน์ - มัลลิกา” เข้ากระทรวงคมนาคม วันแรก ประกาศ 4 เดือนดันโครงการลงทุนค้างท่อ เร่งประมูลส่วนต่อขยายสายสีแดง - ทางด่วนภูเก็ต ขณะที่ “รถไฟฟ้า 20 บาท” ล้มโครงการเตรียมต่อยอดเป็นแพ็กเกจ “ลดค่าครองชีพ” ย้ำข้อพิพาท “เขากระโดง” สั่ง รฟท.เดินหน้าฟ้องรายบุคคล 995 แปลง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรก เมื่อเวลา 08.19 น. โดยระบุว่า กระทรวงคมนาคม ถือเป็นกระทรวงใหญ่เกรด AAA+ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและประเทศอย่างมาก ในช่วงเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ ตนขอให้ข้าราชการ และทุกหน่วยงานในกระทรวงคมนาคมปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ

อย่างไรก็ดี ในช่วงงบประมาณปี 2569 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค.68 นี้ ขอให้ข้าราชการ และทุกหน่วยงานเดินหน้าโครงการตามแผน ผลักดันการใช้งบประมาณให้ได้มากที่สุด เพราะกระทรวงคมนาคมจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นหากโครงการใดมีความพร้อมให้ดำเนินการทันที เพื่อให้ช่วงเวลา 4 เดือนนับจากนี้ กระทรวงคมนาคมต้องเป็นบทบาทสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจ

'พิพัฒน์ - มัลลิกา' เข้าคมนาคมวันแรก ประกาศ 4 เดือนดันลงทุนค้างท่อ

สำหรับ โครงการที่มีความพร้อมเปิดประมูลในช่วง 4 เดือนนี้ เบื้องต้นมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน - ศาลายา และตลิ่งชัน – ศิริราช วงเงิน 15,176 ล้านบาท และสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วงเงิน 6,473 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ – ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร วงเงิน 10,964.77 ล้านบาท

ส่วนโครงการอื่นที่มีความพร้อมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นโครงการที่ค้างจากรัฐบาลก่อน ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมเร่งรวบรวมข้อมูลเสนอ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ซึ่งปัจจุบันได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย

1.ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท

2.ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท

3.ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท

'พิพัฒน์ - มัลลิกา' เข้าคมนาคมวันแรก ประกาศ 4 เดือนดันลงทุนค้างท่อ

นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง ตามมติ ครม.ชุดก่อน ได้เห็นชอบขยายอายุมาตรการไปสิ้นสุด 30 ก.ย.2569 แต่เนื่องจากขณะนี้เปลี่ยนรัฐบาล จึงจำเป็นต้องพิจารณามติดังกล่าวด้วยว่าจะยังมีผลหรือไม่ ดังนั้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง จะต้องสิ้นสุดกลับไปราคาเดิมเริ่มวันที่ 1 ต.ค.68 นี้ก่อน หลังจากนั้นรัฐบาลจะพิจารณาจัดทำมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนในรูปแบบแพ็กเกจการเดินทาง ให้ครอบคลุมทั้งมติ บก น้ำ ราง จะได้ประโยชน์ไม่เพียงรถไฟฟ้าเท่านั้น

“การที่ไม่สามารถเดินหน้ามาตรการลดค่าครองชีพการเดินทางได้ต่อเนื่อง เพราะกรอบเวลาที่รัฐบาลต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจะมีขึ้นในวันที่ 29 – 30 ก.ย.68 นี้ หลังจากนั้นจึงจะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ภายใน 2 สัปดาห์นับจากแถลงนโยบายแล้วเสร็จ เบื้องต้นก็จะมีการทยอยปรับลดค่าครองชีพของประชาชนในระบบขนส่งมวลชนทันที”

'พิพัฒน์ - มัลลิกา' เข้าคมนาคมวันแรก ประกาศ 4 เดือนดันลงทุนค้างท่อ

ในส่วนของแนวคิดตั๋วร่วมหรือค่าโดยสารราคาเดียว ซึ่งเคยเป็นนโยบายหาเสียง จะถูกพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจใหม่ แต่จะเป็นอัตราในราคาเท่าไรนั้น ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมก่อน เพราะต้องคำนึงถึงจุดสมดุลระหว่างภาระงบประมาณรัฐบาล และประโยชน์ของประชาชน โดยจะอ้างอิงบทเรียนจากนโยบาย 20 บาททุกเส้นทางในอดีต พบว่าสร้างภาระชดเชยให้รัฐเกือบ 20,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งนโยบายนี้ก็อาจไม่เป็นธรรมต่อประชาชนในต่างจังหวัดเพราะดำเนินการเฉพาะส่วนของรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ

นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นข้อพิพาทเขากระโดง เช้าวันนี้ (25 ก.ย.) ตนได้หารือร่วมกับผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเน้นย้ำว่าเรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย โดยถือว่าเป็นเรื่องของ รฟท.ที่ต้องไปดำเนินการฟ้องร้องกับผู้บุกรุกในแต่ละราย รวมจำนวน 995 แปลง ดังนั้นเรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าแม้ตนจะมาจากพรรคภูมิใจไทย และทางกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลโดยนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่ได้จะเอื้อประโยชน์ฝ่ายใด เรื่องนี้ต้องทำตามกฎหมาย ขอให้ รฟท.เร่งฟ้องดำเนินคดี

ด้านนางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช กล่าวเสริมว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนี้จะร่วมมือกับท่านรองนายกรัฐมนตรีฯ และทีมผู้บริหารผลักดันงานสำคัญของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ระบบการขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ยกระดับมาตรฐาน และบริการที่ดียิ่งขึ้น ให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก ปลอดภัย และทั่วถึง

การเข้ากระทรวงคมนาคมวันแรกของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมรัฐมนตรีช่วยฯ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เพื่อให้กระทรวงคมนาคมเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการเดินทางของประชาชน และสนับสนุนการพัฒนาประเทศต่อไป

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์