อนุทิน ลุ้นประชุม ครม.ทัน 30 ก.ย. ล็อกงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ 2.6 หมื่นล้าน

รัฐบาล “อนุทิน” ส่งหนังสือขอบรรจุวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ลุ้นประชุม ครม.นัดถัดไปในวันสิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย.68 อนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 68 วงเงินกว่า 2.6 หมื่นล้าน
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอนุทิน ภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษเมื่อวันที่ 24 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปคือ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ซึ่งจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่จะมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน สามารถอนุมัติงบประมาณ และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ตามข้อกำหนด และบทบัญญัติของกฎหมาย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้กล่าวภายหลังการประชุม ครม.นัดพิเศษวานนี้ว่า ตนเองได้ลงนามในหนังสือส่งถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้บรรจุวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในห้วงเวลาวันที่ 28 – 30 ก.ย.2568 นี้ ทั้งนี้ในวันนี้หนังสือได้ส่งถึงประธานรัฐสภาฯ ระบุว่า ครม.ได้กำหนดวันที่พร้อมจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในวันนี้ (25 ก.ย.68) นายวันมูหะมัดนอร์ ได้นัดประชุมคณะกรรมการประสานงานรัฐสภา ประกอบด้วย สว. สส.ฝ่ายค้าน สส.รัฐบาล เพื่อหารือต่อการเตรียมพร้อมนัดประชุมรัฐสภาให้รัฐบาลแถลงนโยบาย และรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง โดยจะกำหนดวันแถลงนโยบายที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งต้องรวมถึงระยะเวลาการส่งเอกสารคำแถลงนโยบายให้ สส. และสว.ได้อ่านและศึกษาก่อนด้วย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้นทางฝ่ายรัฐบาลได้ขอให้ประธานสภาฯบรรจุวาระการแถลงนโยบายในการประชุมภายในวันที่ 29 ก.ย.68 ทั้งนี้เพื่อที่จะให้มีเวลาให้รัฐบาลได้มีการประชุม ครม.อีกนัดหนึ่งภายในวันที่ 30 ก.ย.68 นี้ ทั้งนี้หากมีการปิดการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในช่วงครึ่งวันเช้าของวันที่ 30 ก.ย.68 ก็จะมีการประชุม ครม.ในช่วงบ่ายทันที
เนื่องจากวันที่ 30 ก.ย.68 เป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ หากสามารถประชุม ครม.ได้ทันจะมีการอนุมัติวงเงินงบประมาณในส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบกลางฯ ปี 2568 วงเงินกว่า 2.6 หมื่นล้านได้ทันกรอบระยะเวลาทำให้รัฐบาลมีแหล่งวงเงินงบประมาณไปใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ได้ แต่หากไม่ทันก็จะส่งผลให้วงเงินส่วนนี้ต้องส่งคืนคลังไปในที่สุด
ทั้งนี้ งบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ที่วงเงินเหลืออยู่กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท นั้น ครม.ได้มีมติให้โอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าไปในงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเร่งด่วนปี 2568 แล้ว เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ทั้งนี้หากจะมีการอนุมัติงบประมาณในส่วนนี้นายกรัฐมนตรีสามารถอนุมัติได้ โดยได้รับความเห็นชอบโครงการจาก ครม.ซึ่งเท่ากับว่าจะมีการผูกพันงบประมาณไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ
ซึ่งเมื่อรวมกับกรอบงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีงบประมาณในปี 2569 วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่ารัฐบาลจะมีวงเงินจากงบกลางฯ ที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้น 5.1 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมกับงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นเร่งด่วนปี 2569 ที่เป็นอำนาจในการอนุมัติของนายกรัฐมนตรีอีกประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ในโครงการการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







