พลิกเกมรับมือภาษีทรัมป์ความหวังใหม่ 'รมว.พาณิชย์'

ในห้วงยามที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความผันผวน ภาคการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ กำลังส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ชี้ว่า การส่งออกในเดือนสิงหาคม 2568 แม้จะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 แต่ก็เป็นในอัตราที่ลดลงอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหลักอย่างสหรัฐ ที่ยอดส่งออกลดฮวบเหลือเพียง 12.8% จากที่เคยเติบโตสูงถึง 31.4% ในเดือนก่อนหน้า สัญญาณนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากมาตรการภาษีตอบโต้แบบต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) ของสหรัฐ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ที่บีบให้ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
ท่ามกลางความท้าทายนี้ความหวังของผู้ประกอบการไทยต่างตั้งความหวังไว้ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ที่มาจากภาคเอกชนโดยตรง ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในกลไกตลาด จะเป็นความหวังใหม่ที่จะเข้ามาพลิกเกมการค้าของประเทศไทยให้กลับมาแข็งแกร่ง นำประสบการณ์ ความรู้ความสามารถทั้งในด้านการบริหารจัดการต้นทุน การสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และการหาตลาดใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ทักษะด้านธุรกิจในการเจรจาต่อรองกับประเทศคู่ค้าได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
โจทย์ใหญ่ที่รอรมว.พาณิชย์คนใหม่คือการบริหารจัดการกับผลกระทบจาก “ภาษีทรัมป์” ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบเท่ากันในทุกกลุ่มสินค้า โดยในเดือนสิงหาคม สินค้าเกษตร อย่าง ข้าว, ยางพารา ได้รับแรงกดดันจากภาวะการแข่งขันด้านราคาจนหดตัวลงอย่างชัดเจน ในขณะที่ สินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้ายังคงขยายตัวได้ดี แต่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลง การกำหนดนโยบายที่ตรงจุดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบจะต้องได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างทันท่วงที ส่วนสินค้าที่มีศักยภาพจะต้องได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เติบโตต่อไป
นอกจากนี้การหาทางออกที่ยั่งยืนให้กับการส่งออกไทยจึงไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหารายวัน แต่คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการทุกระดับ การเปลี่ยนจากการเป็นประเทศผู้รับจ้างผลิตมาเป็นการสร้างนวัตกรรมและแบรนด์สินค้าของเราเอง การหาตลาดใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และการเจรจาข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) กับประเทศที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
ดังนั้นความหวังของภาคธุรกิจต่อรมว.พาณิชย์คนใหม่จึงเป็นเสมือน “โอกาสทอง” ที่จะเข้ามาเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยความเข้าใจในธุรกิจและมีทักษะการบริหารจัดการสามารถนำพาทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและกำหนดทิศทางที่ชัดเจน ทำให้การส่งออกของไทยก็จะสามารถกระเตื้องขึ้นได้ มีรายได้มากขึ้น ผู้ประกอบการอยู่รอด และสามารถก้าวข้ามความท้าทายในยุคที่เศรษฐกิจโลกผันผวนได้อย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้คือภาระบนบ่า ที่ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ต้องแบกรับในการทำหน้าที่ 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา







