ถอดบทเรียนฟื้นฟู 'การบินไทย' ไม่ล้มละลายซ้ำรอย แนะรัฐลดบทบาทถือหุ้น

ถอดบทเรียนฟื้นฟู “การบินไทย” ไม่ล้มละลายซ้ำรอยเดิม “บรรยง” ชี้ปัญหาที่ผ่านมาถูกรัฐแทรกแซง ทำการบริหารไม่คล่องตัว พ้นรัฐวิสาหกิจเป็นส่วนหนึ่งดันความสำเร็จ แนะภาครัฐมีสปิริตขายหุ้นออกทั้งหมด พร้อมยกเป็นต้นแบบหยุดแทรกแซงทุกรัฐวิสาหกิจคือทางออกของประเทศ ขณะที่ “ปิยสวัสดิ์” ลั่นต้องจับตา 4 ก.พ.2569 ปลดล็อกผู้ถือหุ้นซื้อขายได้ หวั่นหุ้น THAI ถูกเปลี่ยนมือ
KEY
POINTS
- ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "การบินไทย" ฟื้นฟูสำเร็จคือการพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ ซึ่งช่วยลดขั้นตอนที่ล่าช้าและอิทธิพลทางการเมือง ทำให้การบริหารงานคล่องตัวขึ้น
- "บรรยง" แนะให้ภาครัฐลดบทบาทโดยการขายหุ้นที่ถืออยู่ออกไป เพื่อให้การบินไทยแข่งขันได้อย่างเต็มที่ภายใต้กลไกตลาด และป้องกันการกลับไปสู่ปัญหาเดิม
- ย้ำการจะเดินหน้าต่อไม่ให้ซ้ำรอย ต้องหลีกเลี่ยงการแทรกแซงจากภายนอกในการแต่งตั้งคณะกรรมการ และต้องคัดเลือกผู้บริหารที่มีความสามารถทางธุรกิจการบินโดยตรง
นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายในงานราชดำเนินเสวนา “โจทย์ใหม่ “การบินไทย” เดินต่ออย่างไรไม่ให้ซ้ำรอย” จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า การฟื้นฟูการบินไทยถือเป็นกรณีศึกษาระดับโลก เนื่องจากสามารถพลิกฟื้นได้ท่ามกลางวิกฤตอุตสาหกรรมการบิน ช่วงโควิด-19 และไม่ได้รับการอัดฉีดเงินช่วยเหลือโดยตรงจากภาครัฐ ซึ่งแตกต่างจากสายการบินอื่นๆ ทั่วโลก
“การบินไทยขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่เกิดโควิด-19 เพราะทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจผ่าตัดครั้งใหญ่ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตามกฎหมายล้มละลาย และทำให้มีการผ่าตัดใหญ่ตลอด 5 ปี ซึ่งการบินไทย สามารถกลับมาจากขาดทุนมากที่สุดในโลก กลายมาเป็นสายการบินที่กำไรสูงที่สุดในโลก 2 ปีติดต่อกัน”
ส่วนการบินไทยไปต่ออย่างไรเพื่อไม่ให้เจอวิกฤตแบบเดิมในอดีต การฟื้นฟูกลับมาครั้งนี้ของการบินไทยส่วนหนึ่งเป็นเพราะด้วยความไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะความเป็นรัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบมากมาย แต่ก่อนการบินไทยจะซื้อเครื่องบินลำหนึ่งต้องส่งไปที่กระทรวงคมนาคม ส่งไปที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กว่าจะไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระบวนการเหล่านี้ทำให้ต้องใช้เวลากว่า 4 ปี
นอกจากนี้ ในอดีตการบินไทยขอซื้อเครื่องบินอีกรุ่น แต่อนุมัติให้ซื้ออีกรุ่นหนึ่งก็มี ดังนั้นการไม่เป็นรัฐวิสาหกิจสำคัญมาก เพราะนอกจากกฎระเบียบที่ทำให้ไม่คล่องตัว ยังมีเรื่องของผู้คนที่ส่งคนมาเป็นกรรมการสัดส่วนนักการเมือง สัดส่วนข้าราชการ ซึ่งจะทำให้การแข่งขันกับการคล่องตัวหายไปทั้งหมด เพราะข้าราชการขาดเวลา และขาดทักษะการบริหารธุรกิจ
ทั้งนี้จากบทเรียนของการฟื้นฟูกิจการการบินไทย พบว่าเกิดจากปัจจัยหลัก คือ
1. ตัดความเป็นรัฐวิสาหกิจออกไป ตัดกรรมการที่มีแต่ความกลัวออกไปถึงฟื้นฟูได้
2. ผู้บริหาร ถ้าผู้บริหารไม่ได้เลือกมาจากความสามารถ ผลงาน ถ้ามาจากพวกใคร ที่ไหนก็พัง นี่คือปัญหาใหญ่ พอการบินไทยไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้ ก็ทำให้พัฒนาได้มาถึงปัจจุบัน ซึ่งการบินไทยจะเดินต่อไปได้ดีนั้นคือ “ลดรัฐ เพิ่มตลาด”
ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นการบินไทย ที่มีภาครัฐถือหุ้นใหญ่นั้น รัฐบาลควรจะลดบทบาทในการบินไทยลงไปอีก ควรจะขายหุ้นให้หมด เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่ารัฐวิสาหกิจถ้าเตรียมตัวให้พร้อมเขาจะไปได้ดี เหมือนกับที่รัฐบาลอังกฤษไม่ถือหุ้นอยู่เลย แล้วให้ธรรมาภิบาลของตลาดดูแล นอกจากนี้ จะช่วยแก้ปัญหาเสถียรภาพการคลังให้รัฐบาล ลดหนี้สาธารณะได้ส่วนหนึ่ง และจะส่งสัญญาณที่ดีมากให้กลไกของระบบ
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อดีตประธานคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยไม่กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่กลับไปอีกแล้ว แต่ตอนนี้ต้องเน้นย้ำว่าอย่ากลับไปเป็นองค์กรที่ทำงานเหมือนรัฐวิสาหกิจ เพราะมีความเป็นห่วง ถ้าหากมีกรรมการที่ไม่มีความเหมาะสม ก็อาจมีการทำงานคล้ายลักษณะรัฐวิสาหกิจได้ แล้วการบินไทยจะกลับไปเป็นแบบเดิม
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการบินไทยแย่และทรุดลงมา เพราะมีการแทรกแซงจากข้างนอก แต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งต่างๆ ตั้งแต่ข้างล่างมาข้างบน คนพวกนี้สุดท้ายแล้วก็มารับใช้คนที่เป็นหนี้บุญคุณในการจัดซื้อจัดจ้างทำการคอร์รัปชั่น ทำให้องค์กรอ่อนแอเพราะบริหารโดยคนที่ไม่เก่ง ไม่มีประสิทธิภาพ
ส่วนผู้บริหารการบินไทยชุดปัจจุบัน มาจากช่วง 5 ปีที่ทำแผนฟื้นฟู เป็นกลุ่มผู้บริหารที่มีความสามารถที่สุด เขาคือกลุ่มที่ทำให้การบินไทยฟื้นขึ้นมา และรู้ธุรกิจการบิน กลุ่มนี้ยังอยู่ มีความเข้มแข็ง แต่ถ้าไปเจอคนงี่เง่าที่ทำงานด้วย สักพักหนึ่งก็จะหมดแรงหรือการตัดสินใจช้า องค์กรเดินได้ช้า อาจจะพลาดโอกาส เพราะธุรกิจการบินเปลี่ยนแปลงเร็วตลอดเวลา
“ตอนนี้การบินไทยมีผู้บริหารที่แข็งแกร่งมาก และกลุ่มนี้เขารักและหวงแหนการบินไทย เพราะเขาสร้างมันขึ้นมาจากที่แทบล้มละลาย และต้องการให้บริษัทอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยตอนนี้เรามีกรรมการบริหารจัดการตามปกติ ดังนั้นต้องเลือกกรรมการที่ดี และรัฐบาลต้องใจกว้างในการสรรหากรรมการที่เหมาะสม เอาคนที่มีความสามารถเหมาะสมกับการทำธุรกิจที่แข่งขันมากที่สุดในโลกเข้ามา”
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า คงต้องจับตาดูในวันที่ 4 ก.พ.2569 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนด Lock-up Period ห้ามซื้อขายหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกหลังหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หากกรรมการบริษัทเป็นบุคคลที่มาจากการแทรกแซง และไม่ได้มีประสบการณ์ที่สนับสนุนธุรกิจของการบินไทย ก็เกรงว่าผู้ถือหุ้นจะหมดความเชื่อมั่นและขายหุ้น
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยทุกวันนี้ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนดีขึ้นมาก แข่งขันกับสายการบินอื่นได้ มาจากการวางแผน ทำตามยุทธศาสตร์ เดินตามแผนฟื้นฟู ทำให้การบินไทยแทบไม่มีจุดอ่อนเลย ส่วนจุดแข็งคือ ภูมิศาสตร์ที่ดี มีจิตใจการบริการที่ดี ต้นทุนต่อดพนักงานต่ำกว่าถ้าเทียบกับสายการบินอื่น ขณะเดียวกันประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 20%
“ช่วงนั้น 1 ปีแรกหลังจากฟื้นฟูเป็นเรื่องของการเอาชีวิตรอด ทำอย่างไรให้ตัวเองรอด แต่หลังจาก 1 ปีแล้ว ต้องดูอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะธุรกิจการบินต้องดู long term ซึ่งเราทำได้ดีในการจัดหาเครื่องบินมีการวางแผนไว้แล้ว และจะทยอยรับมอบ ซึ่งการบินไทยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุด เป็นเทคโนโลยีที่ดีกว่าคู่แข่งในตลาด”







