สศก. แนะเลี้ยง ‘ผำ’ สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ มูลค่าสูง

สศก. แนะเลี้ยง ‘ผำ’  สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ มูลค่าสูง

สศก. หนุน เลี้ยงผำ อาหารแห่งอนาคต ดูแลง่าย ลงทุนต่ำ ไม่ใช้สารเคมี ใช้ระยะเวลาเลี้ยงเพียง 7 – 15 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ ให้โปรตีนเฉลี่ย 35 – 40%

  นายชายศักดิ์ วุฒิศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะ ภาคเกษตรกรรม ซึ่งต้องพึ่งพาสภาพอากาศและธรรมชาติในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความท้าทาย การมองหาพืชทางเลือกที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ใช้น้ำน้อย เติบโตเร็ว และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ จึงเป็นทางออกที่สำคัญ หนึ่งในพืชที่กำลังได้รับความสนใจในฐานะ  “อาหารแห่งอนาคต” (Future Food) คือ “ผำ” หรือไข่น้ำ เป็นพืชน้ำจืดที่เพาะเลี้ยงง่าย ช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น ไข่ผำแห้ง อาหารเสริม หรืออาหารสุขภาพ สามารถเลี้ยงในบ่อธรรมชาติหรือบ่อควบคุมได้ ช่วยรักษาสภาพน้ำและระบบนิเวศ

สศก. แนะเลี้ยง ‘ผำ’  สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ มูลค่าสูง สศก. แนะเลี้ยง ‘ผำ’  สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ มูลค่าสูง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตร ภายใต้นโยบาย “เกษตรมูลค่าสูง”และแนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกิดการทำน้อยได้มาก การส่งเสริมการเลี้ยง “ผำ” เป็นการ บูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานของกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมประมง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งเน้นการผลิตตามความต้องการตลาด ปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยง พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน

สศท.5 ได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลสินค้าเกษตรในพื้นที่เพื่อจัดทำข้อมูล วิเคราะห์ตลาด และราคาสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งพบว่า “ผำ” เป็นหนึ่งในพืชที่กระทรวงเกษตรฯ ส่งเสริมตามนโยบายเกษตรมูลค่าสูง โดยจากการสัมภาษณ์นายวิทยา ม้วนสูงเนิน เกษตรกรผู้มีองค์ความรู้ด้านการเกษตรในชุมชน บ้านปรางค์ หมู่ 11 ตำบลหินดาด อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ริเริ่มเพาะเลี้ยงผำ เล่าว่าจุดเด่นของผำคือ ดูแลง่าย ลงทุนต่ำ ไม่ใช้สารเคมี ใช้ระยะเวลาเลี้ยงเพียง 7 – 15 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ ให้โปรตีนเฉลี่ย 35 – 40% ของน้ำหนักแห้ง  เหมาะต่อการพัฒนาเป็นผงโปรตีน อาหาร ขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือใช้ผสมในอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุน

นายวิทยายังเล่าต่ออีกว่า ตนเองได้เริ่มเลี้ยงผำในบ่อดินครั้งแรกเพียง 1 บ่อ โดยเก็บผลผลิตขายที่ตลาดของหมู่บ้านอาทิตย์ละ 5 วัน วันละประมาณ 20 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 50 บาท สร้างรายได้สัปดาห์ละประมาณ 5,000 บาท จากนั้นขายผลผลิตผ่านทางออนไลน์ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี สามารถสร้างยอดขายได้เดือนละประมาณ 1,100 กิโลกรัม ขายส่งราคากิโลกรัมละ 40 บาท สร้างรายได้มูลค่ากว่า 40,000 บาท/เดือน จึงขยายการเลี้ยงจาก 1 บ่อ เป็น 3 บ่อหลัก ๆ

สศก. แนะเลี้ยง ‘ผำ’  สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ มูลค่าสูง สศก. แนะเลี้ยง ‘ผำ’  สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ มูลค่าสูง

ในปัจจุบัน (ขนาดบ่อ 46x35 เมตร) การลงทุนครั้งแรกในแต่ละบ่อมีเพียงค่าพันธุ์ 20 กิโลกรัม ราคา 1,000 บาท ค่าปุ๋ยคอก 10 กระสอบ ราคา 500 บาท แต่สามารถเก็บผลผลิตได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับการรักษากับสภาพน้ำและการดูแลไม่ให้มีสัตว์กินพืชในบ่อ เช่น ปลากินพืช หอย เป็นต้น ปัจจุบันผลผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดที่มีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายวิทยามีแผนที่จะขยายการผลิตเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

“การผลักดันผำเข้าสู่ระบบการผลิตเชิงพาณิชย์ จะช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกร ลดการพึ่งพาโปรตีนจากสัตว์ และสอดคล้องกับเป้าหมายความมั่นคงทางอาหารของประเทศ นอกจากนี้ ยังสอดรับกับกระแสโลกที่มุ่งลดก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เพราะผำต้องการพื้นที่น้อย โตเร็ว และไม่ปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม ควรผลักดันให้ผำเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจใหม่ โดยร่วมกับหน่วยงานวิจัย พัฒนามาตรฐานการผลิต และส่งเสริมตลาดให้เกษตรกรเข้าถึงผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

ซึ่งในอนาคต ผำอาจกลายเป็นอีกหนึ่งคำตอบของโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืน ช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกรไทย และตอบโจทย์ความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ผลการสำรวจข้อมูล จะนำไปเสนอในเวทีการประชุมการขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมกันกำหนดแผนงาน/โครงการ หรือแนวทางพัฒนารายได้ให้กับเกษตรกร ให้มีความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้ต่อไป หากท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ นายวิทยา ม้วนสูงเนิน โทร 08 0296 1892” ผู้อำนวยการ สศท.5