‘สรรพสามิต’ ขยายฐานรายได้ใหม่ ‘ภาษีรถยนต์โบราณ’ 45% ดันไทยสู่ศูนย์กลางรถคลาสสิก

‘สรรพสามิต’ ขยายฐานรายได้ใหม่  ‘ภาษีรถยนต์โบราณ’ 45% ดันไทยสู่ศูนย์กลางรถคลาสสิก

กรมสรรพสามิต ขยายฐานรายได้ใหม่ กำหนดพิกัดภาษีรถยนต์โบราณ สร้างตลาดใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ดันไทยเป็นศูนย์กลางจัดแสดง และบูรณะรถคลาสสิกในภูมิภาค

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้มีการขยายฐานรายได้ใหม่ด้วยการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Car) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างตลาดใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดแสดง และบูรณะรถยนต์โบราณในภูมิภาค

โดยมาตรการดังกล่าวได้กำหนดให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์โบราณนำเข้าในอัตรา 45% ซึ่งเป็นการขยายฐานรายได้ใหม่ในการจัดเก็บภาษีสินค้ารถยนต์ โดยรถยนต์โบราณนำเข้าเหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรที่ 0%

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการกำหนดพิกัดภาษีใหม่นี้คือ

1. ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ในการจัดแสดงรถยนต์โบราณในภูมิภาค

2. ส่งเสริมอุตสาหกรรมบูรณะรถยนต์โบราณ (Restoration) ภายในประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพของช่างที่มีฝีมือซึ่งต่างชาติให้ความสนใจ

3. สนับสนุนการท่องเที่ยว ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการในกลุ่มรถยนต์โบราณ

อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า การเก็บภาษีนี้เป็นการเพิ่มประเภทตลาดใหม่ และไม่ถือเป็นการทำลายตลาดรถยนต์ทั่วไป ซึ่งนับเป็นภาษีประเภทใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายสิบปีของกรมสรรพสามิต

สำหรับนิยาม และข้อจำกัดการใช้งาน รถยนต์ที่เข้าข่ายเป็นรถยนต์โบราณ (Classic Car) มักจะหมายถึงรถที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ตามนิยามสากล โดยรถที่นำเข้าจะต้องเป็นรถที่พร้อมวิ่ง และสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งต้องมีการตรวจรับรองโดยหน่วยงานในต่างประเทศก่อนได้รับอนุญาตให้นำเข้า

ทั้งนี้ รถยนต์โบราณที่นำเข้ามาในประเทศจะได้รับทะเบียนพิเศษ ที่แตกต่างจากทะเบียนรถทั่วไป โดยมีเงื่อนไขการใช้งานที่จำกัด โดยอนุญาตให้วิ่งได้เฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น หากผู้ประกอบการต้องการนำรถออกวิ่งในวันอื่น เช่น การจัดงานอีเวนต์ การจัดแสดง หรือโชว์ในต่างจังหวัด ก็สามารถทำได้โดยการทำเรื่องขออนุญาตเป็นกรณีเฉพาะจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นางสาวกุลยา กล่าวว่า เนื่องจากรถยนต์โบราณที่นำเข้ามีราคาสูง และการประเมินกำลังซื้อค่อนข้างลำบาก แต่ในเบื้องต้น กรมสรรพสามิตคาดการณ์ว่ามาตรการภาษีรถยนต์โบราณนี้จะสามารถสร้างรายได้จากภาษีสรรพสามิตได้ประมาณ 1,000 - 2,000 ล้านบาท

นอกจากรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้โดยตรงแล้ว มาตรการนี้ยังส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนสำหรับทดแทนชิ้นส่วนรถโบราณ และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามายังประเทศไทยเพื่อจัดอีเวนต์รถคลาสสิก ทั้งนี้ ประเทศไทยยังถูกมองว่ามีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนมือ และบูรณะรถยนต์โบราณในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์