ร่าง PDP วุ่น! เปลี่ยนรัฐบาลทำแผนพลังงานสูญญากาศ จับตาคณะทำงานจ่อทยอยลาออก

ร่างแปน PDP ส่อวุ่น! เปลี่ยนรัฐบาลทำแผนพลังงานสูญญากาศ คณะทำงานจ่อลาออกอีก ฉุดเศรษฐกิจประเทศ เป้า Net Zero ไร้ทิศทาง
KEY
POINTS
- การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลส่งผลให้การจัดทำ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ล่าช้าและไร้ทิศทาง โดยเฉพาะ ร่างแผน PDP ที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมายาวนานเป็นปีๆ
- ล่าสุดเมื่อนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ประธานคณะกรรมการชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ได้ยื่นหนังสือลาออก เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใหม่แต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน อาจต้องเผชิญกับภาวะสุญญากาศอีกครั้ง
- ความล่าช้าในการจัดทำแผน PDP ที่ใช้กำหนดทิศทางระบบไฟฟ้าของประเทศในอีก 15-20 ปีข้างหน้า ทำให้เกิดความเสียหายในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจที่ภาคเอกชนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ต้องพึ่งพา พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันระดับโลก
การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลส่งผลให้การจัดทำ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ล่าช้าและไร้ทิศทาง โดยเฉพาะ ร่างแผน PDP ที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมายาวนานเป็นปีๆ และล่าสุดก็มีข่าวความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ประธานคณะกรรมการชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ได้ยื่นหนังสือลาออก เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใหม่แต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน
ซึ่งคาดว่าจะมีคณะกรรมการรายอื่นทยอยลาออกตามมาอีกหลายราย ส่งผลให้การจัดทำแผนพลังงานของประเทศต้องเผชิญกับภาวะสุญญากาศอีกครั้ง
ความล่าช้าในการจัดทำแผน PDP ที่ใช้กำหนดทิศทางระบบไฟฟ้าของประเทศในอีก 15-20 ปีข้างหน้า ทำให้เกิดความเสียหายในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจที่ภาคเอกชนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ต้องพึ่งพา พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันระดับโลก
นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานคาร์บอนต่ำที่ยังไม่มีแผนชัดเจน ทำให้นักลงทุนลังเลในการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ขัดต่อเป้าหมาย Net Zero ของประเทศที่ตั้งไว้
ในปี 2567 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน จัดทำร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024) และมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 19-23 มิถุนายน 2567 แต่เป็นการจัดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์และแสดงความคิดเห็นทางข้อความใต้โพสต์เฟซบุ๊กและเว็บไซต์ของ สนพ. ที่ได้มีการโพสต์สไลด์ประกอบการบรรยายร่างแผน PDP2024 เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากแผน PDP2018 ในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีการจัดเวทีสาธารณะทุกภาค ทำให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบทางตรงจากแผน PDP ทั้งในส่วนของผู้ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงภาระการลงทุนผ่านบิลค่าไฟ ซึ่งทั้งหมดมาจากการกำหนดของแผน PDP การไม่ได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวจากการประชาสัมพันธ์ที่อาจยังไม่ทั่วถึง และยังไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ความคิดเห็นได้อย่างสะดวก ทั้งด้วยวิธีการให้ความคิดเห็นและข้อมูลในร่างแผน PDP2024 ที่ยากต่อความเข้าใจสำหรับคนทั่วไป
ทำให้ JustPow แพลตฟอร์มที่เป็นการรวมตัวกันขององค์กรที่ทำงานด้านข้อมูล องค์ความรู้ การสื่อสารในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับเครือข่ายจากภาคส่วนต่างๆ รวม 13 องค์กร ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะเพื่อระดมความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างแผน PDP2024 ทั้ง 5 ภูมิภาค รวมไปถึงการจัดเวทีสาธารณะ “เสียงจากประชาชน 5 ภูมิภาคต่อร่างแผน PDP2024” เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอความคิดเห็น และเปิดผลโหวตของประชาชนทั่วประเทศต่อร่างแผน PDP2024 โดยมีตัวแทนจากประชาชนจากทั้ง 5 ภูมิภาคเข้าร่วม และในวันเดียวกัน ตัวแทนประชาชนจากทั้ง 5 ภูมิภาคได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องและตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการขยายเวลาทบทวนร่างแผน PDP2024 ถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานผ่านสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน โดยมีนายสาร์รัฐ ประกอบชาติ รองผู้อำนวยการ สนพ. เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 ปีแล้ว ที่ร่างแผน PDP2024 ไม่ถูกประกาศใช้ และภาครัฐเองก็ไม่เคยให้ข้อมูลความคืบหน้าของแผน PDP2024 เลยว่าอยู่ในกระบวนการหรือขั้นตอนไหนแล้วทั้งทางสาธารณะและผ่านการที่ทาง JustPow ได้ยื่นหนังสือไว้เมื่อปีที่ผ่านมา การที่ประเทศไทยต้องอยู่ในภาวะสุญญากาศทางด้านแผนพลังงานมานานหลายปี ตั้งแต่แผน PDP20218Rev1 ประกาศใช้ในปี 2563 ทำให้เกิดความเสียหายหลายด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจที่ภาคเอกชนและอุตสาหกรรมจำนวนมากต่างต้องเผชิญความไม่แน่นอนและขาดความมั่นใจในการลงทุน ซึ่งส่งผลให้ไทยสูญเสียโอกาสดึงดูดอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและลดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะการแข่งขันด้านพลังงานสะอาดที่จำเป็นต่อมาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ การเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่คาร์บอนต่ำที่ยังไม่มีแผนชัดเจน เนื่งด้วยแผนพลังงานฉับเก่าไม่สอดคล้องกับบริบทพลังงาน เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความล่าช้านี้ส่งผลให้การวางแผนการลงทุนด้านพลังงานขาดความชัดเจน นักลงทุนลังเลในการลงทุนพลังงานสะอาด ขัดกับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ
ต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีคำสั่งสั่งให้ยกเลิก ร่าง PDP 2024 และให้จัดทำขึ้นใหม่ ภายใต้คณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ที่แต่งตั้งโดย กพช. ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 แต่งตั้งคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดยมีนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกรรมการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า คณะกรรมการร่างแผนพีดีพีฉบับใหม่ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานฯ หลังจากเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 15 ส.ค. จากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลใหม่ และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้แต่งตั้งบุคคลที่เห็นว่า เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าต่อไป เชื่อว่า หลังจากนี้จะมีคณะกรรมการอีกหลายราย ทยอยลาออก เพื่อเปิดทางเช่นกัน โดยการลาออกครั้งนี้ เป็นความสมัครใจของนายสุเทพเอง ไม่ได้ถูกกดดันใดๆ จากฝ่ายการเมือง ซึ่งตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งมา ยังไม่มีการเริ่มประชุมนัดแรกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะมีหน้าที่ในการจัดทำพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าในระยะยาวของประเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนและกําหนดนโยบายด้านไฟฟ้าและความต้องการไฟฟ้าของประเทศ รวมทั้งวิเคราะห์ให้ข้อคิดเห็น และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าของประเทศเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ซึ่งทางกพช. เพิ่งแต่งตั้งรวม 21 ราย โดยแผนพีดีพีฉบับใหม่ รอมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ได้เริ่มจัดทำแผนขึ้นในชื่อว่า PDP 2022 ซึ่งแผนพีดีพี เป็นสิ่งที่กำหนดว่าระบบไฟฟ้าในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในระยะเวลา 15-20 ปีข้างหน้า
สำหรับคณะกรรมการคนอื่นๆ อีก 20 ราย เช่น เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา2. เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
3. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4. ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
5. ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
6. รองศาสตราจารย์ ขวัญชัย ลีเผ่าพันธ์
7. รองศาสตราจารย์ อนุสรณ์ ธรรมใจ
8. รองศาสตราจารย์ แนบบุญ หุนเจริญ
9. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปิติ เอี่ยมจำรูญลาภ
10. นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน
11.นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
12.นายวิภู พิวัฒน์ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ.
13. นายอธิปัตย์ บํารุง
14. นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์
15. นางสาวอารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ
16. นายพงษ์ดิฐ พจนา
17. นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
18. ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังาน เป็นกรรมการ และเลขานุการ
19. ผู้อำนวยการกองนโยบายไฟฟ้า สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
20. นายศุภกร คงสมจิตต์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
การลาออกของประธานคณะกรรมการชุดใหม่ทำให้เกิดคำถามว่า ใครจะเข้ามาสานต่อแผน PDP ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ? และจะสามารถทำให้แผน PDP ฉบับใหม่มีความโปร่งใส และสะท้อนความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงหรือไม่? เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด







