คมนาคมยุค 'ภูมิใจไทย' จับตาไทม์ไลน์ 4 เดือน ทำอะไรได้บ้าง ?

4 เดือน รัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่เตรียมเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง และเดินหน้าผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์เป็นวาระสำคัญ
KEY
POINTS
- 4 เดือน รัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่เตรียมเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง และเดินหน้าผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์เป็นวาระสำคัญ
- เตรียมเสนอโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ศึกษาความพร้อมแล้วเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ
- โครงการที่รอการผลักดันประกอบด้วยรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางในภาคใต้ และโครงการทางพิเศษหลายสายทั้งในภูเก็ต เกาะสมุย และกรุงเทพฯ
คณะรัฐมนตรี (ครม.) “อนุทิน 1” เตรียมเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 24 ก.ย.นี้ เวลา 18:00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถานฯ หลังจากนั้นจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษต่อทันที เพื่อพิจารณาร่างนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ย. นี้ ถือเป็นการเริ่มนับ 1 ของ ครม.ที่นำโดย “ภูมิใจไทย” เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ภายใต้กรอบระยะเวลาทำงาน 4 เดือน
จับตาเฉพาะในส่วนของกระทรวงคมนาคมที่มีบทบาทหลักการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นส่วนสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ตลอดจนการให้บริการขนส่งมวลชน ครอบคลุมภาระค่าครองชีพของประชาชนในชีวิตประจำวัน ซึ่งภารกิจหลากหลายเหล่านี้ จะผลักดันโดย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า จะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ และมีทีมงานในพื้นที่ภาคใต้ช่วยขับเคลื่อน ซึ่งโครงการนี้สำคัญต่อการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย - อันดามัน และเป็นโครงการที่ผลักดันมาตั้งแต่สมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นอกจากนี้ประเด็นข้อพิพาทบนที่ดินเขากระโดง น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นเรื่องแรกๆ เพื่อให้ความกระจ่างกับคนไทยทั้งประเทศ โดยหลังจากได้รับโปรดเกล้าถวายสัตย์ฯ เรียบร้อยแล้ว เป็นสิ่งแรกที่ตนเองต้องดำเนินการ โดยจะมีการหารือกับนายอนุทิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้คนไทยสบายใจในเรื่องที่ดินเขากระโดง ว่าบทสรุปแล้วจะเป็นอย่างไร
ส่วนโครงการลงทุนที่คาดว่าจะถูกผลักดันภายใต้รัฐบาลนี้ ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีความพร้อมผลศึกษาและรูปแบบการลงทุน รอเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการ อาทิ
รถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง
1.ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท
2. ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท
3. ช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท
โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) วงเงินลงทุน 9.9 แสนล้านบาท แบ่งเป็น
ระยะที่ 1/1 (ปี 2573-2574) มูลค่าการลงทุน 6.17 แสนล้านบาท
ระยะที่ 1/2 (ปี 2575-2577) มูลค่าการลงทุน 1.74 แสนล้านบาท
ระยะที่ 1/3 (ปี 2578-2596) มูลค่าการลงทุน 2.05 แสนล้านบาท
ระยะที่ 2 (ปี 2597-2622) ยังไม่มีการประเมินแผนลงทุน เนื่องจากจะต้องรอให้มีการพัฒนาแผนระยะที่ 1 ให้แล้วก่อน
โครงการทางพิเศษ
โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง 3.98 กิโลเมตร วงเงิน 16,757 ล้านบาท
โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่ – เกาะแก้ว - กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร วงเงิน 46,752 ล้านบาท
โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 37.41 กิโลเมตร 55,000 ล้านบาท
โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก หรือ N2 เดิม ระยะทาง 6.67 กิโลเมตร วงเงิน 13,666 ล้านบาท
โครงการทางด่วนยกระดับชั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน - พระราม 9 ระยะทาง 20.09 กิโลเมตร วงเงิน 34,800 ล้านบาท
โครงการทางด่วนสายศรีนครินทร์ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 15.80 กิโลเมตร วงเงิน 20,538 ล้านบาท







