'ภูมิใจไทย' บูมเมกะโปรเจกต์ภาคใต้ 'ล้านล้าน' เร่งแลนด์บริดจ์ - ทางคู่ โกยคะแนนนิยม

ส่องเมกะโปรเจกต์คมนาคมในภาคใต้ เม็ดเงินลงทุนกว่า 1.2 ล้านล้านบาท จ่อขับเคลื่อนยุค “ภูมิใจไทย” โกยคะแนนนิยมการเมืองภาคใต้ ด้าน “พิพัฒน์” ประกาศเดินหน้าประมูล “แลนด์บริดจ์” พร้อมดันรถไฟทางคู่-มอเตอร์เวย์สายใหม่ กทพ.พร้อมประมูลทางพิเศษภูเก็ต-สมุย ภาคเอกชนหนุนพัฒนาท่าเรือระนองเชื่อมตลาดใหม่
KEY
POINTS
- พรรคภูมิใจไทยผลักดันเมกะโปรเจกต์ในภาคใต้ มูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและขยายฐานคะแนนนิยม
- โครงการหลักคือ "แลนด์บริดจ์" ชุมพร-ระนอง เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งจะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP)
- เร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่มีความพร้อม เช่น รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 และทางพิเศษในจังหวัดภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี
การลงทุนเมกะโปรเจกต์เป็นอีกแผนงานที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีแผนที่จะผลักดันถึงแม้ว่าจะมีเงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่มีหลายโครงการที่ผ่านการศึกษา และรับฟังความเห็นพร้อมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการในภาคใต้ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) สนใจขยายฐานการเมือง
สำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (โครงการแลนด์บริดจ์) ซึ่งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยสนับสนุน โดยมีการเดินหน้าต่อเนื่องในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ล่าสุดนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมายืนยันว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ และมีทีมงานในพื้นที่ภาคใต้เพื่อขับเคลื่อน
ทั้งนี้ โครงการแลนด์บริดจ์ จะเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน โดยจะมีการพัฒนาระบบราง ถนน และระบบท่อเชื่อมโยง 2 ฝั่งทะเล รวมทั้งมีการเปิดพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนใหม่ในจังหวัดชุมพร และระนอง
อีกทั้งโครงการแลนด์บริดจ์ได้กลับมาผลักดันอีกครั้งตั้งแต่สมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่โดยเฉพาะในจังหวัดชุมพร และระนอง ดังนั้นโครงการนี้ต้องร่วมกันเดินหน้าต่อ เพราะนอกจากนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่แล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ที่มีความพร้อมผลักดันให้เริ่มการลงทุนภายใต้รัฐบาลภูมิใจไทยมีถึง 1.2 ล้านล้านบาท อาทิ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 และโครงการทางพิเศษสายใหม่
“คาดการณ์ว่าโครงการของกระทรวงคมนาคม ที่มีความพร้อมศึกษาการลงทุนแล้วเสร็จ น่าจะได้รับการอนุมัติ และเร่งรัดให้เริ่มกระบวนการเปิดประมูลในช่วงรัฐบาลนี้ โดยเบื้องต้นประเมินโครงการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ที่มีความพร้อมเสนอ ครม.เพื่อเปิดประมูลงานก่อสร้าง มีมูลค่ารวมมากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท” แหล่งข่าว กล่าว
ภูมิใจไทยดันแลนด์บริดจ์ 9.9 แสนล้าน
สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ มูลค่าการลงทุน 9.9 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันศึกษาความเหมาะสม และรูปแบบการลงทุนแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างรอผลักดันร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ….. (พ.ร.บ.SEC) รวมทั้งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาแล้วเสร็จ จะพัฒนาในระยะที่ 1 รวม 3 ส่วน แบ่งเป็น
ระยะที่ 1/1 (ปี 2573-2574) มูลค่าการลงทุน 6.17 แสนล้านบาท
ระยะที่ 1/2 (ปี 2575-2577) มูลค่าการลงทุน 1.74 แสนล้านบาท
ระยะที่ 1/3 (ปี 2578-2596) มูลค่าการลงทุน 2.05 แสนล้านบาท
ระยะที่ 2 (ปี 2597-2622) ยังไม่มีการประเมินแผนลงทุน เนื่องจากจะต้องรอให้มีการพัฒนาแผนระยะที่ 1 ให้แล้วก่อน
ทั้งนี้ สนข.ได้ศึกษารูปแบบการลงทุน จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (PPP) ลักษณะ PPP Net cost สัญญาสัมปทาน 50 ปี ซึ่งการเปิดประมูลจะใช้หลักการ One Port Two Sides ผู้รับสัมปทานต้องดำเนินการก่อสร้าง และบริหารงานพร้อมกันทั้งโครงการในสัญญาเดียว อีกทั้งต้องมีประสบการณ์ในการบริหารท่าเรือ และสายการเดินเรือ
รวมทั้งกระบวนการต่อไปจะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ได้ จำเป็นต้องมีกฎหมาย โดยปัจจุบันกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างผลักดันพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ….. (พ.ร.บ. SEC)
นอกจากนี้ สนข.ประเมินไทม์ไลน์ดำเนินงานโครงการแลนด์บริดจ์ จะใช้เวลาเตรียมเอกสารเพื่อประกาศประกวดราคา (ทีโออาร์) 5-6 เดือน คาดว่าจะเปิดประมูล และเริ่มก่อสร้างภายในปี 2569 คาดว่าจะเปิดให้บริการระยะที่ 1/1 ภายในปี 2573
เตรียมประมูลรถไฟทางคู่ 3 ช่วง
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ซึ่งมีจำนวน 6 โครงการรออนุมัติจาก ครม.ปัจจุบันมี 3 โครงการได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2568 ประกอบด้วย
1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท
2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท
3.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท
กทพ.พร้อมประมูลทางพิเศษภูเก็ต
นอกจากนี้ยังมีโครงการทางพิเศษภายใต้ความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่พบว่าปี 2568 จะเร่งผลักดันการลงทุนโครงการทางพิเศษในพื้นที่ภาคใต้ในงานการประมูลงานโยธา ประกอบด้วย
1.โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง 3.98 กิโลเมตร วงเงิน 16,757 ล้านบาท
2.โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร วงเงิน 46,752 ล้านบาท
3.โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 37.41 กิโลเมตร 55,000 ล้านบาท
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ.กล่าวว่า กทพ.เตรียมนำเสนอโครงการที่มีความพร้อมผลักดันการลงทุนให้ ครม.ชุดใหม่ในเบื้องต้นคือ โครงการทางพิเศษเชื่อมต่อทิศตะวันออกกับตะวันตกของกรุงเทพฯ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนงามวงศ์วาน
และถนนประเสริฐมนูกิจ ในส่วนของสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก หรือ N2 เดิม ซึ่งมีระยะทาง 6.67 กิโลเมตร วงเงิน 13,666 ล้านบาท สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม.
รวมไปถึงมีโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ที่เตรียมเสนอขออนุมัติจาก ครม.เพื่อก่อสร้าง พร้อมกับขออนุมัติดำเนินเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ดำเนินงาน และบำรุงรักษา (O&M)
พร้อมจัดเก็บรายได้ค่าผ่านทางตลอดแนวเส้นทางครอบคลุมทางพิเศษ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ซึ่งสถานะปัจจุบันเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมขออนุมัติในเดือนก.ย.นี้ ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป
“ปัจจุบันทางด่วนภูเก็ต ระยะที่ 1 ได้ผ่านการอนุมัติจาก ครม.แล้ว โดยการทางพิเศษฯ อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ควบคุมงาน และผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ ส่วนโครงการระยะที่ 2 ก็คาดว่าจะเสนอ ครม.ชุดใหม่ได้ ทำให้โครงการทางด่วนสายนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการทั้งระบบไม่เกินต้นปี 2573” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
เผยความพร้อมทางพิเศษเกาะสมุย
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะผลักดันโครงการทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 37.41 กิโลเมตร วงเงินลงทุนราว 55,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2569
และหากได้รับความเห็นชอบในปี 2570 จะเริ่มขั้นตอนเปิดประกวดราคา พร้อมกระบวนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน จากนั้นจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2572 เบื้องต้นคาดใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี เปิดบริการในปี 2577
ในขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 โดยต้องการให้รัฐบาลใหม่สานต่อการแก้ปัญหางานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว (M82) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเดินทางลงสู่ภาคใต้
เอกชนหนุนพัฒนาท่าเรือระนอง
ขณะที่ภาคเอกชนสนับสนุนการริเริ่มอนุมัติโครงการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจระยะถัดไป โดยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาตลาดทุนไทย (FETCO) จะเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อหารือการกระตุ้นเศรฐกิจและตลาดทุนไทย
สำหรับข้อเสนอของสภาตลาดทุนไทยครอบคลุมถึงการพัฒนา “ท่าเรือตะวันตก” อย่างน้อยที่สุด คือ การทำท่าเรือเบื้องต้นที่ระนอง เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการส่งสินค้าไปอินเดียที่จะเป็นตลาดแห่งอนาคต ดังนั้นหากเชื่อมโยงจากทั่วประเทศ เช่น เชียงราย หนองคาย แหลมฉบัง ไปท่าเรือระนอง ได้มีประสิทธิภาพโครงการนี้จะสำคัญมาก
รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลใหม่มีมาตรการดึงนักลงทุนต่างชาติลงทุนไทยเพิ่ม โดยให้เพิ่มงบประมาณ และบุคลากรให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างน้อย 3 เท่า เพื่อดึงลงทุนต่างชาติเพิ่ม รวมถึงการผลักดันการขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้ดึงดูดลงทุนมากขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







