“พลังงาน-เอไอ-สุขภาพ”พรมแดนใหม่ ด้านแห่งการลงทุนระยะยาวทั่วโลก

“พลังงาน-เอไอ-สุขภาพ”พรมแดนใหม่    ด้านแห่งการลงทุนระยะยาวทั่วโลก

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ)คือกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจรูปแบบหนึ่ง แต่สถานการณ์ เอฟดีไอ ทั่วโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนรูปไปจากบริบทเดิมๆ

สหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดตัวรายงานการลงทุนโลก 2025  (World Investment Report 2025)

เมื่อ มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมาระบุว่า การลดลงอย่างต่อเนื่องของเอฟดีไอทั่วโลก กำลังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศกำลังพัฒนา  โดยรายงานบอกว่า เอฟดีไอ ลดลงถึง 11% เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่สองที่เอฟดีไอติดลบต่อเนื่องกัน แต่ที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือ ภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่อยู่ในจุดต่ำสุด  จึงไม่น่าจะมองหาการผงกหัวของเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากการลงทุนที่ลดลงหมายถึงการจ้างงานที่จะลดลงด้วย ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้แต่แผนการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนก็ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะชะลอตัวหรือหยุดชะงักงัน 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายก็จะพบว่ามีภาคส่วนที่มีทิศทางสดใส ทั้งนี้รายงานเล่าถึง ภาคส่วนการลงทุนที่ลดลงอย่างชัดเจน ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน ลดลง 31% น้ำและสุขาภิบาล ลดลง 30% ระบบการเกษตรและอาหาร ลดลง 19% ในทางตรงกันข้าม การลงทุนด้านสุขภาพกลับเพิ่มขึ้นถึง 20% แม้มูลค่าการลงทุนจะอยู่ที่ 15 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น 

ในเวทีการประชุมการลงทุนแห่งอนาคต (FIC) 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 ก.ย. ณ เมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน เพื่อสะท้อนแนวทางการปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงพลวัตการลงทุนทั่วโลกและการปรับโครงสร้างของห่วงโซ่คุณค่าทั่วโลก ซึ่งจัดโดยUNCTAD ร่วมกับงานแสดงสินค้าและการค้าระหว่างประเทศประจำปีของจีน ได้นำนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และนักนวัตกรรมมารวมตัวกันเพื่อยกระดับการลงทุนระหว่างประเทศในช่วงเวลาแห่งความผันผวนและการเปลี่ยนแปลง

นายเปโดร มานูเอล โมเรโน รองเลขาธิการองค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า การลงทุนเป็นมากกว่าแค่กระแสเงินทุน แต่มันคือเรื่องของความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วม  ดังนั้นเวทีการประชุมการลงทุนแห่งอนาคตเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือในทางปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ การจัดหาเงินทุนสำหรับพลังงานสะอาด หรือการควบคุมปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ

“การประชุมนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น พลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบัน ประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับช่องว่างทางการเงินมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” 

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ห่วงโซ่คุณค่าที่เปลี่ยนแปลง และความจำเป็นด้านความยั่งยืน กำลังเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน หรีือเรียกได้ว่าเป็นพรมแดนใหม่ของการลงทุนโลก  ดังนั้น การประชุมในปีนี้จึงมุ่งเน้นทั้งความเสี่ยงและโอกาสใหม่ๆ สำหรับเงินทุนระยะยาวในด้านพลังงาน ปัญญาประดิษฐ์ และสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังพบว่ามี สิ่งที่น่ายินดีคือ นักลงทุนกำลังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสีเขียว เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ระบบกักเก็บพลังงาน และโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่จะก้าวกระโดดไปสู่รูปแบบการเติบโตที่สะอาดและยืดหยุ่นมากขึ้น

ขณะเดียวกัน นักนวัตกรรม ธุรกิจ นักลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถขยายโซลูชันเพิ่มเติมเพื่อไม่เพียงแต่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและครอบคลุมมากขึ้นอีกด้วย

"นอกจากนี้ การประชุมโต๊ะกลมแบบปิดของกองทุนความมั่งคั่ง(sovereign wealth funds)ยังได้สำรวจว่านักลงทุนระยะยาวสามารถสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นกับการลงทุนเชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างไร พร้อมกับเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในตลาดเกิดใหม่

หนาน หลี่ คอลลินส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนและวิสาหกิจ องค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และหัวหน้าคณะกรรมการจัดงานการประชุม กล่าวว่า  การลงทุนเพื่ออนาคตหมายถึงการก้าวข้ามวัฏจักรและความผันผวน เพื่อจัดสรรเงินทุนสู่อนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

“มันเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่หล่อหลอมสังคม และวิธีที่เราสร้างรูปแบบการเติบโตใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่นและการมีส่วนร่วมในยุคที่เต็มไปด้วยความแตกแยกและความเชื่อมโยง”

    หลิง จี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า  เวทีFIC 2025 ได้สนับสนุนอย่างแข็งขันในการเสริมสร้างการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา ผ่านข้อเสนอการลงทุนเฉพาะทางและการประชุมจับคู่ทางธุรกิจที่เชื่อมโยงโอกาสกับนักลงทุนทั่วโลก โดยFIC ใช้เวทีนี้แก่ประเทศกำลังพัฒนา การนำโครงการและลำดับความสำคัญของพวกเขาไปสู่นักลงทุนโดยตรง ช่วยเปลี่ยนเงินทุนทั่วโลกให้เป็นแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงของการพัฒนาที่ยั่งยืน

สำหรับการหารือและความร่วมมือในเซียะเหมินจะนำไปสู่การประชุมสหประชาชาติครั้งที่ 16 ว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD16) และฟอรัมการลงทุนโลกปี 2026เพื่อร่วมกันพยากรณ์และพัฒนาการลงทุนทั่วโลกร่วมกัน 

ในส่วนของประเทศไทยพบว่า ได้รับเม็ดเงินจากการลงทุนที่สูงมาก และมีทิศทางภาคส่วนการลงทุนที่สอดคล้องกับทิศทางของโลกโดยรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุถึง แนวโน้มการลงทุนในไทยในปี2568ยังเติบโตสูง โดยช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.2568)มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในด้านจำนวนโครงการและเงินลงทุนตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีจำนวน1,880โครงการเพิ่มขึ้น38%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม1,058,225ล้านบาท เพิ่มขึ้น138%

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงได้แก่ ดิจิทัล522,577ล้านบาท จำนวน 89โครงการ ,อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า125,786ล้านบาท จำนวน  268โครงการ , ยานยนต์และชิ้นส่วน45,195ล้านบาท จำนวน 172โครงการ ,การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 42,238ล้านบาท จำนวน191โครงการ,เกษตรและแปรรูปอาหาร30,785ล้านบาท จำนวน 184โครงการ ,ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์26,726ล้านบาท จำนวน 161โครงการ ,การแพทย์18,582ล้านบาท  จำนวน 68โครงการ และการท่องเที่ยว12,894ล้านบาท จำนวน 17โครงการ

“พลังงาน-เอไอ-สุขภาพ”พรมแดนใหม่    ด้านแห่งการลงทุนระยะยาวทั่วโลก