ส่องแผน Made-in-Thailand Chip สานฝันอุตสาหกรรม ‘ชิปต้นน้ำ’ ในไทย

ส่องยุทธศาสตร์ ‘Made-in-Thailand Chip’ ไทยเดินหน้าเต็มสูบปั้นอุตสาหกรรมชิปต้นน้ำ ตั้งเป้าดึงการลงทุนกว่า 5 แสนล้านใน 5 ปี สร้างบุคลากร 8 หมื่นคน
KEY
POINTS
- เปิดยุทธศาสตร์ ‘Made-in-Thailand Chip’ไทยเดินหน้าเต็มสูบปั้นอุตสาหกรรมชิปต้นน้ำ
- ตั้งเป้าดึงการลงทุนกว่า 5 แสนล้านใน 5 ปี
- จับมือมหาวิทยาลัยต่างประเทศสร้างบุคลากร 8 หมื่นคน
- พร้อมผลักดันประเทศสู่ศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับภูมิภาค รองรับดีมานด์ AI – ยานยนต์อัจฉริยะ – ดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจโลกในยุคดิจิทัลยุคใหม่ ปัจจุบันตลาดโลกมีมูลค่ากว่า 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเป็นกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 หรืออีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า
การเติบโตนี้ขับเคลื่อนด้วยความต้องการชิปรุ่นใหม่จากหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูล (Data Center) ยานยนต์สมัยใหม่ และระบบขับขี่อัตโนมัติ อุปกรณ์สมาร์ท และระบบขับขี่อัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ต้องการการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็ว และสมาร์ทมากขึ้น
ประเทศไทยกำลังมองหาโอกาสจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้ โดยผยายามเตรียมความพร้อม และดึงการลงทุน เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเป็นศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับภูมิภาค
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นเพื่อผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ภายใต้ชื่อว่าคณะกรรมการเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ) โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานขับเคลื่อนด้วยตัวเอง มีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นเลขานุการโดยตำแหน่ง และมีการนำเอาผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอกชนเข้ามาเป็นคณะกรรมการ และคณะทำงาน โดยมีลักษณะการขับเคลื่อนคล้ายกับการขับเคลื่อนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติได้มีการกำหนดเป้าหมายอันทะเยอทายในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ของประเทศไทย เช่น ตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี (2568-2572)
โดยมุ่งเน้นการลงทุนในกิจกรรมต้นน้ำ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยตั้งเป้าดึงการลงทุนจากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ รวมทั้งสร้างอุตสาหกรรมผลิตชิป ตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การออกแบบ จนถึงการผลิต ซึ่งเป็นเป้าหมายชัดเจนในการสร้าง "Made-in-Thailand Chip" หรือชิปที่ผลิตในประเทศไทยอย่างครบวงจร
ส่วนเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรในสาขานี้ได้มีการกำหนดเป้าหมายด้านบุคลากรพัฒนาบุคลากรไม่น้อยกว่า 80,000 คน ใน 5 ปี โดยเมื่อเร็วๆนี้กระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และบีโอไอ ได้เดินทางไปยังรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ และลงนามในความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (ASU) ในการพัฒนาหลักสูตรและการฝึกอบรม จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเซมิคอนดักเตอร์ในไทย
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่าเมื่อเร็วๆนี้บีโอไอ ได้เดินทางเยือนสหรัฐฯโดนในครั้งนี้บีโอไอได้พบหารือกับบริษัทเอกชนที่เป็นผู้เล่นรายสำคัญในสหรัฐฯและในระดับโลกในอุตสาหกรรมชิปและเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อชักชวนให้มีการลงทุนในไทย หรือขยายการลงทุนในไทยให้เพิ่มขึ้น
1.Microchip Technology - ผู้นำตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) ที่ลงทุนในไทยมากว่า 30 ปี ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอแล้ว 12 โครงการ
2.NXP Semiconductors - ผู้นำชิปยานยนต์และความปลอดภัยดิจิทัล ลงทุนในไทยมากว่า 50 ปี ได้รับการส่งเสริม 6 โครงการ และขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนเป็นฐานประกอบทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในเครือ
และ 3.Analog Devices (ADI) – กำลังเตรียมจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปต้นน้ำในไทย
ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ที่บีโอไอได้มีการพูดคุยเพื่อชักชวนให้มาลงทุนในไทย เช่น บริษัท Intel - ผู้นำชิปประมวลผลโลก สำหรับคอมพิวเตอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบ AI ,Qorvo - ผู้ผลิตชิปการเชื่อมต่อไร้สาย สำหรับสมาร์ทโฟน โครงสร้างพื้นฐาน IoT และพลังงาน บริษัท Synopsys - ผู้นำโลกด้านซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA)
ทั้งนี้หากสามารถดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมชิปต้นน้ำได้จริงจะสามารถสร้างโอกาสในการลงทุนในไทยเพิ่มอีกหลายด้านตลอด ห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทวิศวกรรมและก่อสร้าง สำหรับโครงสร้างพื้นฐานโรงงานชิป ซัพพลายเออร์วัตถุดิบและอุปกรณ์ ระดับความแม่นยำสูง ผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ เฉพาะทางที่ให้บริการในด้านนี้ รวมทั้งบริการด้านการศึกษาและฝึกอบรม เฉพาะทาง ซึ่งประเทศไทยจะมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านนี้มากขึ้นในอนาคต
ข้อได้เปรียบของไทยในการแข่งขัน
ประเทศไทยถือว่าอยู่ในจุดที่ได้เปรียบในการส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้เนื่องจาก มีพื้นฐาน และความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยไทยมีประสบการณ์ในการเป็นฐานผลิตอิเล็กทรอนิกส์มากว่า 50 ปี โดยเฉพาะในขั้นตอนการประกอบและทดสอบ ทำให้มีพื้นฐานแข็งแกร่งในการต่อยอดสู่เทคโนโลยีขั้นสูง
ขณะที่ในแง่ของตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ไทยตั้งอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะดวกในการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังตลาดหลัก
รวมทั้งมีการการสนับสนุนจากภาครัฐที่ต่อเนื่อง เช่น มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนบีโอไอมีที่ชัดเจน พร้อมแพ็กเกจสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 406 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 600,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป จีน และไต้หวัน
ดังนั้นยุทธศาสตร์ "Made-in-Thailand Chip" ไม่เพียงจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทย แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไปในอนาคต







