‘อนุทิน’ รับโจทย์ บาทแข็งสกัดผลกระทบ ‘ส่งออก - ท่องเที่ยว’

“อนุทิน” ย้ำนโยบายเร่งด่วน แก้ไขปัญหาปากท้อง และเศรษฐกิจระยะสั้น ยืนยันไม่มีแผนเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในเร็วๆ นี้ สั่งทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ลุยถก ส.อ.ท.แก้ปัญหาค่าเงินบาท "เกรียงไกร" ชง 5 ข้อเสนอรับมือเศรษฐกิจโลกชี้บาทแข็งค่าฉุด “ส่งออก-ท่องเที่ยว-ขีดการแข่งขัน” จี้ตรวจเข้มสอบเส้นทางการซื้อทองจากกัมพูชา อาจเป็นอีกจุดสร้างความปั่นป่วนค่าเงิน
KEY
POINTS
- "อนุทิน" รับทราบปัญหาเงินบาทแข็งค่า โดยมอบหมายให้ว่าที่ รมว.คลัง หารือกับ ส.อ.ท. เพิ่มเติม พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบการส่งออกทองคำในสัดส่วนสูงที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง
- ส.อ.ท. ชี้ว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเกือบ 8% สวนทางกับคู่แข่งอย่างเวียดนามที่อ่อนค่ากว่า 3% ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ทำให้สินค้าไทยมีราคาสูง และแข่งขันได้ยาก
- การส่งออกทองคำไปกัมพูชาที่เติบโตผิดปกติอาจเป็นสาเหตุให้เงินบาทแข็งค่า และเสนอให้รัฐบาลพิจารณา "แยกบัญชี" การซื้อขายเงินตราต่างประเทศสำหรับธุรกรรมบางประเภทเพื่อลดแรงกดดัน
- ข้อเสนอจาก ส.อ.ท. เพื่อบริหารจัดการผลกระทบ ได้แก่ การส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าระหว่างประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนระยะ 4 เดือนเพื่อแก้ไขปัญหา 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านเศรษฐกิจ 2.ด้านความมั่นคง 3.ด้านภัยธรรมชาติ 4.ด้านภัยสังคม
ในระหว่างที่เตรียมการจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน ได้หารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมกับระบุความคืบหน้าภายในสัปดาห์นี้จะนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ โดยยืนยันรายชื่อเรียบร้อย 100% แล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดให้มั่นคงต่อไประยะยาว ทั้งนี้ “ดรีมทีม” จะเป็น “เรียลทีม” ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจแยกกันไม่ได้จึงต้องนำภาคเศรษฐกิจมาการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแกร่งในมิติอื่นทั้งคุณภาพชีวิต หากเศรษฐกิจดี คุณภาพชีวิตก็ดี วิถีชีวิตคนก็ดี สังคมก็จะมีความสงบสุข
“ตั้งใจมารับฟังข้อกังวลและข้อเสนอแนะทาง ส.อ.ท.โดยยอมรับว่าขณะนี้แม้จะยังไม่ได้เข้าทำงานเต็มตัว แต่หลังไมค์เดินหน้าทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะต้องทำงานเร็ว และน่าจะเป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายคาดหวัง”
ด้านการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาผู้ประกอบการที่ไทย และกัมพูชาค้าขายตามแนวชายแดน ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน และเงื่อนไขข้อจำกัดตลอดจนการที่จะต้องรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิของไทย ยืนยันว่า การเปิดด่านจะยังไม่เกิดขึ้นระยะสั้นนี้ ซึ่งจะต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ไทยกำหนด เพราะว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ยังไม่เปิดด่านในระยะสั้นนี้ โดยขอให้ไม่ต้องความกังวลใดๆ อีก ต้องใช้ทุกวิธีทั้งการทหาร การทูต การที่เราจะต้องหารือกับทางฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจะใช้ทุกองคาพยพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทั้ง 2 ประเทศโดยเร็ว แต่เราก็มีหลักของเราที่จะต้องรักษา"
การลงทุน Local Content ช่วยดัน GDP
สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการ Thailand Plus One กลุ่ม CLMV โดยมีแนวคิดจะช่วย Matching กับ Local Content เพื่อทดแทนชิ้นส่วนที่เคยทำการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน และสนับสนุนให้มีการลงทุนผลิตของต่างๆ ในไทยแทน ซึ่ง Local Content เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับภาษีสหรัฐด้วย ถือว่าไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่น
ทั้งนี้ ยังมีเงื่อนไข Local Content ที่อาจถูกกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสดีหากไทยผลิตสินค้า และส่งไปยังสหรัฐได้ ส่วนของที่มาจากต่างประเทศที่จะเป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะต้องมีการส่งเสริมการลงทุน Local Content มากขึ้นในไทยด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วย
นายกฯ พร้อมรับมือเงินบาทแข็งค่า
นายอนุทิน กล่าวว่า ด้านสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้น ในช่วงบ่ายวันนี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะหารือในรายละเอียดกับ ส.อ.ท.เพิ่มเติม
ส่วนกรณีที่พบการส่งออกทองคำในสัดส่วนสูงนั้น ขณะนี้ได้สั่งการส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ และให้ดำเนินการหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่าผิดปกติจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้รอให้บริหารราชการแผ่นดินได้ก่อน ซึ่งยืนยันว่าพร้อมดำเนินการทันที ส่วนในรายละเอียด โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่งนั้นจะให้นายเอกนิติ เป็นผู้ชี้แจงต่อประชาชน โดยเมื่อดำเนินการเข้ามาบริหารประเทศเต็มตัวจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้เร็วที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
ส.อ.ท. ชง 5 ข้อเสนอส่งเสริมอุตสาหกรรม
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.เสนอแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรม 5 เรื่องระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย
1. การเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ และสงครามการค้าที่ยังต้องดำเนินการต่อ โดยเฉพาะในรายละเอียดเรื่อง Local Content ว่าจะใช้มาตรฐานใด และอุตสาหกรรมใดที่ทำได้ และอุตสาหกรรมใดที่ทำไม่ได้ รวมถึงจะมีมาตรการเยียวยาอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยถูกสหรัฐ เริ่มเก็บภาษีอัตราที่ 19% แต่จะมีการเรียกภาษีอยู่ 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 สำหรับการเรียกเก็บภาษีอัตราที่ 19% ใช้กับสินค้าที่ตกอยู่ในขอบเขตของมาตรการนี้โดยรวมยกเว้นสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรา 232 เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ทองแดงกึ่งสำเร็จรูป เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีกรอบกฎเกณฑ์ต่างหาก
กรณีที่ 2 เรียกเก็บภาษีอัตราที่ 40% จะบังคับใช้เมื่อสินค้าถูกพิจารณาว่า เกิดจากการสวมสิทธิของประเทศที่สาม หรือมีกรณี transshipment โดยสินค้าในกรณีนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบและพิสูจน์โดย U.S. Customs and Border Protection (CBP) ก่อน และหากพบการสวมสิทธิจริงจะถูกเรียกเก็บอัตรานี้
ดังนั้น ส.อ.ท.จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของสหรัฐ การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการคำนวณ RVC ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการในการปรับตัวเพื่อปรับซัพพลายเชนของไทยให้ยืดหยุ่น และทันสมัย พร้อมเน้นย้ำมาตรการเชิงรุกด้านการค้าระหว่างประเทศ และส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand: MiT)
เสริมสภาพคล่อง SME พยุงเศรษฐกิจ
2.การส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งไหลของสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาด ซึ่งไทยโดนมากที่สุด และกระทบกับ SME จำนวนมาก โดยคาดว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวยังดำเนินการต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อกลุ่ม SME เพิ่มขึ้นจาก 24 กลุ่ม เป็น 30 กลุ่ม แต่ก็เชื่อว่า สถานการณ์ดังกล่าว นายกฯ น่าจะเข้าใจดี
“ปัจจุบัน SME เปราะบางที่สุด และมีปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนสูงกว่า 90% ของ GDP โดยเดือนมิ.ย. 2568 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในกลุ่ม SME คิดเป็น 243,026 ล้านบาท และยอดหนี้คงค้างรวม (สินเชื่อ SME) คิดเป็น 3,119,525 ล้านบาท จึงอยากให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เช่น การดำเนินการการแฮร์คัท การขยายวงเงินให้ SME มากขึ้นหรือไม่”
เสนอนายกฯลดต้นทุนค่าไฟฟ้า
3.การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ และประชาชน ซึ่งวันนี้ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนราคาพลังงานที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะต้องลดราคาพลังงานลงให้ได้ ส.อ.ท.ไม่เห็นด้วยกับการแยกสัดส่วนการใช้ก๊าซ โดยให้เอกชนใช้ก๊าซนำเข้าราคาสูงแม้จะแก้ปัญหาค่าไฟ
ทั้งนี้ ภาครัฐเร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ให้เสร็จภายในปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศในมิติสิ่งแวดล้อมด้วยราคาที่เป็นธรรม และมีความมั่นคงด้านพลังงาน และเสนอให้ปรับโครงสร้างการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้า รวมทั้งปรับลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเหลือ 0.5 เท่า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีประวัติการชำระตามกำหนด เพื่อบรรเทาภาระด้านการเงิน และเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ
ชงหามาตรการช่วยเหลือการค้าชายแดน
4.การรับมือผลกระทบจากปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระยะเร่งด่วน ควรมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายด้านการโลจิสติกส์ผ่านการเสริมช่องทางโลจิสติกส์เดิม การเพิ่มเรือชายฝั่งในการส่งสินค้า เข้าในช่องทางที่ไม่ใช่ชายแดนที่มีอาณาเขตติดกัน เช่น จันทบุรี และตราด และการพิจารณาอนุญาตให้ส่งออก และนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน ที่จะนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตใน Supply Chain ได้ในด่านที่ไม่มีความขัดแย้ง
สำหรับระยะสั้น เสนอแนะให้พิจารณา Soft Loan ให้ผู้ประกอบการเพื่อรักษาสภาพคล่องของกลุ่ม SME ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา หรือผู้ที่มีหลักฐานการค้าขายต่อเนื่องกับกัมพูชา
ส่วนของมาตรการระยะยาว พิจารณาตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่จะให้ทั้งสองประเทศกลับมาทำการค้าร่วมกัน และมีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ถูกกฎหมาย สร้างความเจริญเติบโตร่วมกันให้กับภูมิภาค
ห่วงเงินบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค
5.การบริหารจัดการผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งศึกษา และแยกแยะผลกระทบจากธุรกรรมทองคำ คริปโทเคอร์เรนซี และการโอนเงินแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านระบบ
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ในการค้าระหว่างประเทศภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน+3 และสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เช่น FX Options และ Forward Contract ด้วยมาตรการช่วยลดค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเรื่องค่าเงินอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันค่าเงินบาทไม่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจ โดยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย แต่เงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นผลมาจากการเร่งส่งออก ทำให้ยอดส่งออกสูงกว่าปกติ ซึ่งปัจจุบันควรจะอ่อนค่าแต่กลับแข็งค่ามาก จึงต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แนะแยกบัญชีซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ตั้งข้อสังเกตถึงตัวเลขการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชา ซึ่งจากตัวเลขของกรมศุลกากร และกระทรวงพาณิชย์ พบว่าเติบโตก้าวกระโดดผิดปกติ โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 100,500 ล้านบาท และในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (2568) สูงถึง 67,000-71,000 ล้านบาท และเฉพาะเดือน ก.ค.เพียงเดือนเดียว มีมูลค่าถึง 8,000 ล้านบาท
สำหรับตัวเลขเหล่านี้ชวนให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าผิดปกติ ดังนั้น รัฐบาลอาจพิจารณา “แยกบัญชี” การซื้อขายเงินตราต่างประเทศสำหรับธุรกรรมบางประเภท เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
“บาทแข็ง”กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว-แข่งขัน
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยวและการแข่งขันของประเทศด้วย ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่ค่าเงินอ่อนตัวกว่า 3% ในขณะที่ไทยแข็งค่าเกือบ 8% ทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้น และแข่งขันได้ยากในตลาดโลก
“ส่วนของระดับที่เหมาะสมของค่าเงินบาท เห็นว่าควรจะอยู่ในช่วง 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สมดุลระหว่างภาคการส่งออก และการนำเข้า ทั้งนี้ นายกฯ อนุทิน ได้รับปากที่จะนำข้อเสนอของ ส.อ.ท.ไปพิจารณา และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในช่วง 4 เดือนข้างหน้า เพราะมองว่าภาคอุตสาหกรรมถือเป็น 1 ใน 3 ภาคส่วนสำคัญต่อ GDP ประเทศ”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์





