ควิกวินอนุทินฟื้นเศรษฐกิจ คนละครึ่ง - ลดค่ารถไฟฟ้า - แก้หนี้เกษตร

ควิกวินอนุทินฟื้นเศรษฐกิจ  คนละครึ่ง - ลดค่ารถไฟฟ้า - แก้หนี้เกษตร

ส่องนโยบายควิกวิน “รัฐบาลอนุทิน” ยึดกรอบทำทันที มอบ “เอกนิติ” ออกแบบมาตรการบนเงื่อนไขงบประมาณที่มี หวังคนละครึ่งมาตรการใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • ส่องนโยบายควิกวิน “รัฐบาลอนุทิน” ยึดกรอบทำทันทีมอบ “เอกนิติ” ออกแบบมาตรการบนเงื่อนไขงบประมาณที่มี หวังคนละครึ่งมาตรการใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ 
  • เล็งส่งเม็ดเงิน 1.2 หมื่นล้าน ลงกองทุนหมู่บ้าน 
  • เล็งซอฟต์โลนช่วยภาคเกษตร 
  • วางแนวทางลดค่ารถไฟฟ้า 30-40% ลุยลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่าหน่วยละ 3.94 บาท

รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐบาลที่มีระยะเวลาในการบริหารจำกัดภายใต้ข้อตกลงทางการเมืองกับพรรคประชาชน ที่จะยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

ดังนั้นการออกแบบนโยบายมุ่งหวังที่จะทำได้ทันที โดยเป้าหมายพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และกำลังซื้อระยะสั้น เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี 2568 ขณะเดียวกันมีเป้าหมายทางการเมืองที่จะนำไปสู่การชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป และเป็นรัฐบาลในสมัยหน้าได้ 4 ปี

ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ออกมาระบุถึงนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน โดยด้านเศรษฐกิจจะเร่งดำเนินมาตรการ “ลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ ลดค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ค่าขนส่งต่างๆ” ให้ประชาชน และผู้ประกอบการ รวมถึงจะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย และหามาตรการมาเสริมสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ และประชาชน รวมถึงทำให้รายได้ของชุมชนท้องถิ่นมั่นคงแข็งแรงขึ้น

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หัวหน้าพรรคเตรียมชุดมาตรการเศรษฐกิจที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว โดยมอบให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จัดทำชุดมาตรการ และรายละเอียดทั้งหมดเป็นแพ็กเกจที่จะประกาศใช้ได้ทันที 

ทั้งนี้ มาตรการจะมีหลายด้านทั้งการลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนอกจากจะมีมาตรการคนละครึ่งแล้ว จะมีมาตรการที่เกี่ยวข้องภาคการท่องเที่ยว และการช่วยเหลือเกษตรกร โดยทั้งหมดจะพิจารณาถึงความพร้อมของงบประมาณที่มี และเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วมั่นใจว่านโยบายจะเดินหน้าได้ทันที

แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ปัจจุบันร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลได้จัดทำเสร็จแล้ว โดยจะปรับแก้เล็กน้อยก่อนจะแถลงนโยบาย ขณะที่ชุดมาตรการเศรษฐกิจพรรคภูมิใจไทยเน้นมาตรการทำได้ทันที โดยนายอนุทินให้แนวคิดว่าต้องเป็นมาตรการที่ประชาชนชื่นชอบเข้าถึงได้ ใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม และไม่เป็นภาระทางการคลังมากจนเกินไป 

ควิกวินอนุทินฟื้นเศรษฐกิจ  คนละครึ่ง - ลดค่ารถไฟฟ้า - แก้หนี้เกษตร

 

สำหรับชุดมาตรการที่ออกมาอาจเป็นลักษณะนำมาตรการที่ใช้แล้วได้ผลในอดีตมาใช้ทันที โดยปรับปรุงให้มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นหรือเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของพรรค และหน่วยงานราชการที่เข้ามาช่วยร่างนโยบาย ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ออกแบบนโยบายเศรษฐกิจตั้งแต่การประชุมนโยบายพรรคเดือน ส.ค.2568 โดยเปิดรับมุมมองจากภายนอกด้วย

คนละครึ่งมาตรการใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ

แหล่งข่าว ระบุว่า นโยบายรัฐบาลใหม่ครอบคลุมการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดค่าครองชีพ และการเพิ่มรายได้เศรษฐกิจฐานรากชุมชน และช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้นได้ 

สำหรับมาตรการ "คนละครึ่ง" โฉมใหม่จะเป็นนโยบายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังพิจารณาวงเงินให้มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยจะครอบคลุมทั้งกลุ่มคนที่ยื่นแบบภาษี และไม่ยื่นแบบภาษี โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษี 11 ล้านคน จะได้รับการสนับสนุนการซื้อสินค้าจากภาครัฐ 60% และร่วมจ่ายเองอีก 40% ขณะที่ผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้สิทธิในอัตรา 50:50 เหมือนกับโครงการเดิม 

ส่วนข้อเสนอที่ให้เพิ่มวงเงินการใช้จ่ายจาก 150 บาท เป็น 200 บาทต่อวัน จะต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง

ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง เคยทำโครงการคนละครึ่งที่มีขนาดโครงการขนาดใหญ่ที่สุด คือ ระยะที่ 3 มีผู้ร่วมโครงการ 31 ล้านคน โดยภาครัฐให้วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ใช้งบประมาณ 93,000 ล้านบาท ครอบคลุมระยะเวลาใช้จ่ายเดือนก.ย.- ธ.ค.ส่วนโครงการคนละครึ่งครั้งนี้จะปรับปรุงเพื่อใช้เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้เช่นกัน

เดินหน้าส่งเม็ดเงินลงชุมชน 

สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งเป็นอีกโครงการที่ทำได้รวดเร็วเพราะมีกลไกกองทุนหมู่บ้านและชุมชน ที่แบ่งขนาดเติมเงินให้หมู่บ้านตามโครงการ SML และรัฐบาลที่ผ่านมาตั้งงบประมาณไว้ 12,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้นรัฐบาลใหม่จะดูความเป็นไปได้ในการใช้ช่องทางนี้ในกระตุ้นเศรษฐกิจที่นำเม็ดเงินลงไปสู่ชุมชนได้รวดเร็ว

ส่วนนโยบายการสนับสนุนการท่องเที่ยวนั้นถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะมีโครงการเพื่อฟื้นภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่จะมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศซึ่งจะเป็นรูปแบบที่เคยทำมาแล้วในรูปแบบโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่เข้ามาเสริมก่อนที่ช่วงท่องเที่ยวจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันในช่วงปลายปี

เล็งซอฟต์โลนช่วยภาคเกษตร 

ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่จะผลักดันให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ นอกจากมาตรการทางการคลังที่จะออกมาจะมีการพิจารณาวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (ซอฟต์โลน) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาผลผลิตตกต่ำ 

รวมทั้งขณะนี้ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมีการหารือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และพิจารณาดูรูปแบบของสินเชื่ออยู่ว่าจะเป็นมาตรการในลักษณะใด

วางแนวทางลดค่ารถไฟฟ้า 30-40%

สำหรับมาตรการลดค่าครองชีพให้ประชาชน โดยการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่รัฐบาลใหม่จะไม่ใช้มาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพราะเป็นภาระต่องบประมาณระยะยาว และเป็นมาตรการที่ไม่ยั่งยืน โดยต้องใช้งบประมาณอุดหนุนปีละ 8,000-9,000 ล้านบาท 

ประกอบกับเครือข่ายรถไฟฟ้าปัจจุบันขยายออกไปถึงชานเมืองทำให้บางครั้งค่าอุดหนุนรถไฟฟ้าต่อเที่ยวเพื่อให้ทำนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทต่อสายได้จริง จะใช้เงินอุดหนุนเที่ยวละกว่า 50 บาท 

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ผ่านรัฐสภา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เปิดช่องให้รัฐบาลเจรจาต่อรองผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าในการกำหนดค่าโดยสารให้ลดราคาลง โดยมีเป้าหมายลดลง 30-40% มั่นใจว่ารัฐบาลจะใช้กลไกของ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ในการเจรจาแบ่งรายได้ระหว่างผู้ให้บริการลดไฟฟ้า ลดปัญหาการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนในการเปลี่ยนสาย ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าโดยสารสูงเกินจำเป็น

“ส่วนที่เจรจากับผู้รับสัมปทานนั้นคือ ค่าแรกเข้าระหว่างรถไฟฟ้าแต่ละสายที่ 15-17 บาท ขึ้นกับรถไฟฟ้าแต่ละสาย หากเจรจาไม่ต้องเก็บหรือลดลงได้จะลดค่าโดยสารลดไฟฟ้าลงได้มาก ซึ่งประเมินเบื้องต้นพบอาจลดลงได้ 35-40 บาทตลอดสาย และหากต้องใช้งบประมาณอุดหนุนคงใช้บางส่วนแต่ไม่สูงมากเหมือนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย”

มอบพลังงานศึกษาลดค่าไฟ

ส่วนมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนการลดค่าไฟฟ้าจากปัจจุบันอยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย และจากเดิมจะตรึงราคานี้ไปจนถึงเดือนธ.ค.2568 โดยหากทำได้จะลดค่าไฟฟ้าในช่วงที่เหลือของปีนี้ และดูแลให้งวดเดือนม.ค.- เม.ย.2569 ลดลงเพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชน โดยมอบหมายให้นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดูแนวทางที่จะลดค่าไฟฟ้าลง

สำหรับโครงการที่เป็นเมกะโปรเจกต์ระยะยาวนั้นโครงการที่รัฐบาลนี้จะทำนั้น คือ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะมีอายุเพียง 4 เดือน แต่เนื่องจากสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ผลักดันกฎหมายต่อเนื่อง และจัดสัมมนาสรุปผลการศึกษาแลนด์บริดจ์

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์