ค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และราคาทองคำ | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

ค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และราคาทองคำ | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

สัปดาห์แล้ว สํานักข่าวออนไลน์ Trader KP ขอความเห็นผมเกี่ยวกับเงินบาทที่เเข็งค่าขึ้นช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอะไรเป็นสาเหตุและเงินบาทจะเเข็งค่าต่อเนื่องหรือไม่

ในความเห็นของผม การแข็งค่าของเงินบาทรอบนี้คงเป็นภาวะชั่วคราวเพราะโยงกับปัจจัยภายนอกเป็นหลักคือการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่มีปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศสนับสนุน การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นผลทั้งจากปัจจัยระยะสั้นและระยะยาว

รวมถึงการปรับพอร์ตของนักลงทุนออกจากสกุลเงินดอลลาร์เข้าสู่สินทรัพย์สกุลเงินอื่นและทองคํา วันนี้จึงอยากขยายความเรื่องนี้ และนี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในช่วงขาลงตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จากเศรษฐกิจสหรัฐที่ตลาดประเมินว่าจะอ่อนตัวลงปีนี้จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยืนในระดับสูงเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อซึ่งไม่ดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ที่กระทบการตัดสินใจของภาคธุรกิจ

ที่สำคัญคือ ปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐที่สูงประมาณ 120% ของจีดีพี ที่การแก้ปัญหาไม่มีความชัดเจนทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเกิดวิกฤติด้านการคลัง 

นักลงทุนจึงปรับพอร์ตการลงทุนออกจากสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ ทั้งหมดเป็นแรงกดดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและอ่อนค่าลงถึง 11% ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตลาดการเงินคาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจอ่อนค่าลงได้อีกช่วงครึ่งปีหลังเมื่อธนาคารกลางสหรัฐเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแลการอ่อนตัวของเศรษฐกิจ

การอ่อนตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทําให้ค่าเงินของประเทศในภูมิภาคเอเชียล้วนแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกปีนี้ เช่น เงินเยนญี่ปุ่น วอนเกาหลีใต้ ไต้หวันดอลลาร์ มากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศ

เงินบาทไทยเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเเข็งค่าขึ้น 5% ช่วงเดือนหกแรกปีนี้ จากนั้นเมื่อกลางไตรมาสสาม ค่าเงินภูมิภาคได้แรงสนับสนุนเพิ่มเติมเมื่ออัตราภาษีทรัมป์กับทุกประเทศมีความชัดเจน กระตุ้นให้เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าและสกุลเงินภูมิภาคยิ่งแข็งค่า

การแข็งค่าของเงินบาทปีนี้ก็สะท้อนปัจจัยต่างประเทศเหล่านี้ ไม่ใช่ปัจจัยในประเทศเราเอง เพราะปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ ไม่ว่าการส่งออก การท่องเที่ยว และกําลังซื้อในประเทศ เห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อที่ตัวเลขล่าสุดเดือนสิงหาคมติดลบเป็นเดือนที่ห้าที่ 0.8%

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้ประโยชน์จากปัจจัยระยะสั้นเพิ่มเติม เช่น การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร เงินเหล่านี้เข้าเร็วออกเร็ว เอาแน่เอานอนไม่ได้ ความรู้สึกเชิงบวกของนักลงทุนต่อการเมืองในประเทศว่าการเปลี่ยนแปลงอาจนำไปสู่การเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกที่สูงทําให้นักลงทุนในประเทศบางกลุ่มขายทองคำเพื่อทํากําไร เพิ่มความต้องการเงินบาทในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เหล่านี้คือ แรงกดดันที่ทําให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งเรื่องนี้มีสามประเด็นที่นักลงทุนต้องตระหนัก

1.การเเข็งค่าของเงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาด ตามระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว การแข็งค่ารอบนี้เป็นผลจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ไม่ใช่ปัจจัยภายในประเทศ ดังนั้นแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่าจะลดลง เมื่อปัจจัยต่างประเทศคลี่คลาย

2.ช่วงที่เงินดอลลาร์โน้มอ่อนค่าและเงินบาทแข็งค่า ความผันผวนจะมากเพราะจะมีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบ ปัจจัยกระทบเหล่านี้เป็นปัจจัยระยะสั้น เช่น เงินทุนระยะสั้นไหลเข้าออก การขายสินทรัพย์เพื่อทำกำไร ทางการจึงควรดูแลให้เงินบาทปรับค่าตามกลไกตลาดแต่ให้ความผันผวนอยู่ในระดับที่จะไม่เป็นข้อจำกัดต่อภาคธุรกิจที่จะปรับตัว

3.ภาคธุรกิจต้องตระหนักว่าความผันผวนในค่าเงินบาทอาจมีมากขึ้น ดังนั้น การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในการทําธุรกิจจึงสำคัญ

ช่วงจากนี้ไปถึงสิ้นปี แรงกดดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าจะยังมีอยู่ เพราะตลาดการเงินมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจเลือกที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน แม้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐล่าสุดยังสูงกว่าเป้าที่ 2% ต่อปี การลดดอกเบี้ยจะลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐกับเงินสกุลอื่นๆ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า 

อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินได้คาดการณ์และรับรู้ความเป็นไปได้นี้ไว้หมดแล้ว เห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับสูงขึ้นหลังประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดังนั้น การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยสหรัฐน่าจะไม่มีมากกว่านี้ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันขาขึ้นต่อค่าเงินภูมิภาคและเงินบาท

ท้ายสุด ข้อคิดที่อยากฝากไว้ คือ การเเข็งค่าของเงินที่ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ มักไปไหนได้ไม่ไกล

ค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และราคาทองคำ | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต