จับตา ‘ปลาหมอบัตเตอร์’ 1 ใน 13 สัตว์น้ำเอเลี่ยนสปีชีส์ โผล่กลางสวนรถไฟ

จับตา ‘ปลาหมอบัตเตอร์’ 1 ใน 13 สัตว์น้ำเอเลี่ยนสปีชีส์ โผล่กลางสวนรถไฟ

ปัญหาการลักลอบนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นยังพบต่อเนื่องล่าสุดมีการพบการพบปลาหมอบัตเตอร์ในสวนรถไฟ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสัตว์น้ำ 1 ใน 13 รายการที่กรมประมงออกประกาศควมคุม

กรมประมง ออกประกาศเมื่อปี 2561 ให้ ปลาหมอบัตเตอร์ และสัตว์น้ำบางชนิดอยู่ใน บัญชีห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำมาเพาะเลี้ยง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตโดยตรงจากอธิบดี นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน โดยยังพบปลาหมอบัตเตอร์ในหลายแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในต่างจังหวัด และล่าสุดพบใน สวนรถไฟ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึงการเข้ามาในตลาดสัตว์เลี้ยง ร้านขายปลาสวยงาม หรือการซื้อขายออนไลน์ ซึ่งอาจนำมาสู่การปล่อยตามแหล่งน้ำสาธารณะที่อาจกระทบระบบนิเวศ เพราะปลาหมอบัตเตอร์มีอัตราการแพร่พันธุ์สูง กินอาหารเก่ง แลเบียดเบียนสัตว์น้ำท้องถิ่น โดยอาจเทียบได้กับกรณีปลาหมอคางดำ

ทั้งนี้ การพบปลาหมอบัตเตอร์โผล่มาในสวนรถไฟเป็นสัญญาณเตือนถึงการกำกับดูแลทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย การตรวจสอบที่ด่านนำเข้าและตลาดสัตว์เลี้ยง รวมถึงการเฝ้าระวังที่ต่อเนื่องจากทุกภาคส่วน

รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลของภาครัฐเกี่ยวกับการพบสัตว์ต่างถิ่น เพื่อให้หน่วยงานและสังคมรับรู้และร่วมแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักรู้ของการเลี้ยงสัตว์ต่างถิ่น หรือเอเลี่ยนสปีชีส์

จับตา ‘ปลาหมอบัตเตอร์’ 1 ใน 13 สัตว์น้ำเอเลี่ยนสปีชีส์ โผล่กลางสวนรถไฟ

รายงานข่าวจากกรมประมง ระบุว่า สำหรับสัตว์น้ำ 13 ชนิด ที่กรมประมงอาศัยความตามมาตรา 65 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2560 ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันทึ่ 16 สิงหาคม 2564

เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ ซึ่งประกอบสัตว์น้ำด้วย 13 ชนิด ได้แก่

1. ปลาหมอสีคางดำ Blackchin tilapia Sarotherodon melanotheron

2. ปลาหมอมายัน Mayan cichlid Mayaheros urophthalmus

3. ปลาหมอบัตเตอร์ Zebra cichlid Heterotilapia buttikoferi

4. ปลาทุกชนิดในสกุล Cichla และปลาลูกผสม Peacock cichlid, Butterfly peacock bass Cichla spp.

5. ปลาเทราท์สายรุ้ง Rainbow trout Oncorhynchus mykiss

6. ปลาเทราท์สีน้ำตาล Sea trout Salmo trutta

7. ปลากะพงปากกว้าง Largemouth black bass Micropterus salmoides

8. ปลาโกไลแอทไทเกอร์ฟิช Goliath tigerfish, Giant tigerfish Hydrocynus goliath

9. ปลาเก๋าหยก Jade perch Scortum barcoo

10. ปลาที่มีการดัดแปลงหรือตัดแต่งพันธุกรรม GMO LMO

11. ปูขนจีน Chinese mitten crab Eriocheir sinensis

12. หอยมุกน้ำจืด Triangle shell mussel Hyriopsis cumingii

13. หมึกสายวงน้ำเงินทุกชนิดในสกุล Hapalochlaena Blue-ri nged octopus Hapalochlaena spp.

ทั้งนี้ ประกาศฉบับดังกล่าวฯ มีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้

1. กรณีที่เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกลุ่มเหล่านี้ ต้องดำเนินการขอใบอนุญาตตามประกาศกรมประมง ภายใน 30 วันหลังจากประกาศฯ มีผลบังคับใช้และเมื่อไม่ต้องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่นกลุ่มดังกล่าวแล้วให้รีบนำสัตว์น้ำส่งมอบให้สำนักงานประมงจังหวัด หรือ หน่วยงานกรมประมงอื่นๆในพื้นที่โดยด่วน

2. กรณีที่ประชาชนทำการประมงแล้วได้สัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดนี้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ประชาชนสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้สัตว์น้ำตายก่อนนำไปจำหน่าย

3. กรณีที่สัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดนี้จากธรรมชาติได้หลุดรอดเข้าในบ่อเพาะเลี้ยงของเกษตรกรโดยไม่เจตนาเกษตรกรสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้ปลาตายก่อนนำไปจำหน่าย

4. กรณีส่วนราชการ สถาบันการศึกษา หรือกรณีจำเป็นอื่นใดที่ต้องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดไว้เพื่อศึกษาวิจัยและประโยชน์ทางราชการให้แจ้งขออนุญาตกรมประมงก่อน

5. ห้ามผู้ใดปล่อยสัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิด ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 144 แห่ง พรก.การประมง 2558

ส่วนบทลงโทษหากพบผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 64 หรือมาตรา 65 วรรคสอง ต้องระวางโทษตามมาตรา 144 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง นำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ