TDRI เปิดโจทย์ท้าทายรัฐบาลใหม่ แก้ปัญหาระยะยาวควบคู่ กระตุ้น ศก.

TDRI เปิดโจทย์ท้าทายรัฐบาลใหม่ แก้ปัญหาระยะยาวควบคู่ กระตุ้น ศก.

ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เปิดโจทย์ท้าทายรัฐบาลใหม่ เตือนภาระหนี้สาธารณะสูง เสี่ยงถูกลดเครดิตเรตติ้ง แนะใช้งบคุ้มค่า ตั้ง กรอ.3 ด้าน เพิ่มขีดแข่งขัน

KEY

POINTS

  • TDRI เสนอให้รัฐบาลใหม่เน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว เช่น การปฏิรูป กฎ ระเบียบ และเปิดเสรีไฟฟ้า ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นระยะสั้น
  • แนะให้จัดตั้งกลไกความร่วมมือรัฐ-เอกชน (กรอ. ย่อย) 3 ด้าน ได้แก่ กำลังคน นวัตกรรม และกฎระเบียบ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • เตือนถึงความเสี่ยงจากระดับหนี้สาธารณะที่สูง ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) และทำให้ต้นทุนทางการเงินของภาครัฐ และเอกชนสูงขึ้น
  • เตือนระวังเรื่องอื้อฉาว ปัญหาทุจริต กระทบความเชื่อมั่น ครม.                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                              

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอแนะรัฐบาลชุดใหม่ให้เน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวควบคู่กับมาตรการกระตุ้นระยะสั้น พร้อมเตือนภาวะหนี้สาธารณะสูงอาจส่งผลให้ประเทศไทยถูกลดเครดิตเรตติ้ง

ดร.สมเกียรติ ระบุว่า การปรับโครงสร้างเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศมีความสำคัญมาก แม้จะไม่ทำให้ประชาชนเห็นผลงานได้ทันที แต่รัฐบาลจะได้เครดิตในฐานะผู้ริเริ่ม โดยการปรับโครงสร้างที่สามารถทำได้ทันที และไม่ต้องใช้งบประมาณคือ การแก้กฎระเบียบการอนุมัติ-อนุญาตต่างๆ

เปิดเสรีไฟฟ้าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

"หากทำในเรื่องสำคัญ เช่น การเปิดเสรีซื้อขายไฟฟ้า จะมีตัวคูณทางเศรษฐกิจมหาศาล และยังแก้ปัญหาโครงสร้างได้อีกทางหนึ่งด้วย" ดร.สมเกียรติ กล่าว

เสนอตั้ง กรอ.ย่อย 3 ชุดยกระดับขีดแข่งขัน

ทีดีอาร์ไอแนะนำให้รัฐบาลสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ผ่านการจัดตั้ง กรอ.ชุดย่อย 3 ด้าน ประกอบด้วย

1. กรอ.ด้านกำลังคน - รัฐ และเอกชนร่วมมือกันฝึกทักษะแรงงานให้คนไทยมีโอกาสทำงานที่ใช้ทักษะสูง ซึ่งจะทำให้มีรายได้ดีขึ้น และกระตุ้นการลงทุนในประเทศ กลไกนี้จะนำความต้องการของภาคเอกชนมาให้ภาครัฐฝึกกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน

2. กรอ.ด้านนวัตกรรม - เพื่อแก้ปัญหาความสามารถในการแข่งขันที่ไม่สามารถแข่งกับสินค้าราคาถูกได้ เช่น สินค้าจีน โดยใช้ความต้องการของเอกชนเป็นตัวตั้ง

3. กรอ.ด้านกฎระเบียบ - ทำหน้าที่ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ

เตือนหนี้สาธารณะสูงเสี่ยงลดเครดิตเรตติ้ง

ดร.สมเกียรติ เตือนว่า รัฐบาลควรทบทวนรายรับรายจ่ายภาครัฐให้สมดุลกัน เนื่องจากภาระหนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจจะถูกลดเครดิตเรตติ้ง

"เมื่อจะออกพันธบัตร รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยที่แพงขึ้น เป็นภาระต่อหนี้สาธารณะ เช่นเดียวกับภาคเอกชน หากจะออกตราสารหนี้ก็จะต้องเสียดอกเบี้ยที่สูงขึ้นด้วย"

รัฐบาลต้องทบทวนรายจ่ายด้านที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยแต่ใช้เงินมาก และตัดลดงบประมาณในส่วนที่ไม่คุ้มค่าพร้อมมีแผนการหารายได้ที่ชัดเจน

คาดหวัง รมว.คลังใหม่มีแนวทางหารายได้ชัด

ดร.สมเกียรติ แสดงความคาดหวังต่อ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ที่มีประสบการณ์การหารายได้ภาครัฐ โดยเคยเป็นทั้งอธิบดีกรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต จึงน่าจะมีแนวทางในการหารายได้ที่ชัดเจน สามารถทำให้นักลงทุน และ Credit Rating Agency เชื่อมั่นได้

ชื่นชม ครม.ผสมผสานคนนอก และนักการเมือง

ดร.สมเกียรติ ให้ความเห็นต่อโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ที่มีสัดส่วนคนนอกหลายคนว่า เป็นบุคคลภายนอกที่มีความรู้ ความสามารถ จากภาคธุรกิจ และภาคราชการ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากสังคม

"มีรัฐมนตรีที่ใกล้ชิด และรู้ปัญหาประชาชน เพราะเป็นตัวแทนจากพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งมา เมื่อมาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เทคโนแครต และผู้บริหารภาคเอกชน ถือเป็นจุดสร้างสมดุลที่ดี"

เสนอแก้ รธน.ลดจำนวนพรรคการเมือง

เพื่อให้โมเดลการใช้คนนอกที่มีความสามารถเกิดขึ้นอีกในอนาคต ดร.สมเกียรติ เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเลิกระบบเลือกตั้งแบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" ที่ทำให้เกิด "พรรคปัดเศษ" จำนวนมาก เปลี่ยนไปสู่ระบบที่ทำให้เหลือพรรคการเมืองจำนวนไม่มาก

นอกจากนี้ควรเพิ่มอำนาจนายกฯ โดยการลดอำนาจล้นเกินขององค์กรอิสระ เช่น อำนาจตีความในเรื่องจริยธรรม รวมถึงการที่รัฐธรรมนูญทำให้ยุบพรรคการเมืองได้ง่าย

ฝากโจทย์ท้าทายรัฐมนตรีคนนอก

ดร.สมเกียรติ ฝากโจทย์ความคาดหวังถึงรัฐมนตรีคนสำคัญในรัฐบาลอนุทิน ดังนี้

รมว.พาณิชย์ - เจรจาข้อตกลงการค้าเสรี โดยเฉพาะ FTA ไทย-สหภาพยุโรปที่ค้างอยู่ เพื่อปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย และกระจายความเสี่ยงจากการกีดกันการค้าของสหรัฐ

รองนายกฯ ด้านกฎหมาย - ผลักดันกฎหมายที่อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ทำ "กิโยติน" กฎหมายที่ถ่วงการพัฒนาประเทศ และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ

รมว.พลังงาน - ปฏิรูปการซื้อขายไฟฟ้าในประเทศ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และกระจายรายได้ให้ประชาชนจากการขายไฟโซลาร์เซลล์

รมว.อุตสาหกรรม - ตรวจสอบมาตรฐานโรงงานจากนักลงทุนต่างชาติที่ผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มอก. และปล่อยมลพิษ

รมว.ต่างประเทศ - ปรับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้กลับสู่สภาวะปกติ ลดระดับความขัดแย้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้การค้า และการลงทุน รองรับยุทธศาสตร์ "ไทย+1" (Thailand Plus One)

เตือนรัฐบาลระวังเรื่องอื้อฉาว

"นอกเหนือไปจากการปรับโครงสร้าง และการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ข้อควรระวังของรัฐบาลชุดใหม่ คือ อย่าให้เกิดเรื่องอื้อฉาวจากการทุจริตคอร์รัปชัน การเล่นพรรคเล่นพวก หรือการฝ่าฝืนกฎหมายของคนในรัฐบาลเอง เพราะต่อให้สร้างผลงานดีเพียงใด แต่ถ้ามีเรื่องอื้อฉาวเข้ามาก็ยากที่จะทำให้ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนได้" ดร.สมเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์