เปิด 9 ผลงานเด่น”ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” รมช.พาณิชย์ รัฐมนตรีอายุน้อยที่สุด

เปิด 9 ผลงานเด่น ช่วง 2 เดือน “ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์”นั่งเก้าอี้รมช.พาณิชย์ ร่วมวางกลยุทธ์เจรจาภาษีสหรัฐ รุกงานเจรจาต่างประเทศ พร้อมวางรากฐานเศรษฐกิจไทย สร้างที่ยืนบนเวทีการค้าโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการทำงานในช่วง 2 เดือนของนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในครม.แพทองธาร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยนายฉันทวิชญ์ ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานกรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD
โดยในช่วงการทำงาน 2 เดือนได้เร่งทำงานอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นถึงพลังและวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ ได้ผลักดันงานด้านต่างประเทศและกลยุทธ์ของกระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านผลงานสำคัญ 9 เรื่อง ที่เป็นก้าวย่างแรกสู่การวางรากฐานให้เศรษฐกิจและการค้าของไทยในระดับโลก ประกอบด้วย
1. ร่วมวางกลยุทธ์เจรจาภาษีสหรัฐ ลดทอนผลกระทบต่อธุรกิจไทย โดยร่วมกำหนดกลยุทธ์การเจรจากับสหรัฐฯ จนสามารถบรรลุอัตราภาษีที่แข่งขันได้ พร้อมร่วมออกแบบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ลดแรงกระแทกจากมาตรการกีดกันทางการค้า
2. เตรียมความพร้อมเร่งรัดการเจรจา Thai–EU FTA ให้บรรลุผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศเร่งผลักดันให้การเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย–สหภาพยุโรป เดินหน้าอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ หาจุดสมดุลในข้อตกลงผ่านการหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและประชาชนไทย
3. วางรากฐานพัฒนาระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ผ่าน RVC Up ริเริ่มพัฒนาระบบ RVC Up ที่สามารถตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าได้ในทุกการส่งออก (Shipment) อย่างแม่นยำและรวดเร็วขึ้น ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ เพิ่มความน่าเชื่อถือของสินค้าไทย และเพิ่มศักยภาพการส่งออกสู่ตลาดสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ
4. ขายมันสำปะหลังไทย ปิดดีล 1.48 ล้านตัน มูลค่า 10,900 ล้านบาท จัดงาน World Tapioca Conference 2025 (WTC 2025) และปิดดีลการค้ามันสำปะหลังปริมาณกว่า 1.48 ล้านตัน มูลค่ารวม 10,900 ล้านบาท ช่วยระบายผลผลิตในประเทศกว่า 3.57 ล้านตัน พร้อมผลักดันมันสำปะหลังไทยขึ้นแท่นสินค้าเกษตรศักยภาพในตลาดโลก
5. ผลักดัน “ยุทธศาสตร์การค้าชาติ” ฉบับแรกของประเทศไทย ผ่านคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (คคช.) เพื่อเป็นกรอบวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และแนวทางพัฒนาการค้าของไทยอย่างรอบด้านในระยะยาว
6. ขับเคลื่อนอาเซียนสู่ Digital Economy ผ่านความตกลง DEFA ให้บรรลุผลภายในปีนี้ โดยมีบทบาทสำคัญในฐานะประธานการเจรจาของไทย เพื่อผลักดันความตกลง ASEAN Digital Economy Framework Agreement (DEFA) ให้สามารถลงนามได้ภายในปี 2569 เปิดประตูใหม่สู่การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค
7. ขยายโอกาสสินค้าไทยบุกตลาดอินเดีย เร่งทบทวน AITIGA ให้จบปี 68 เข้าร่วมการเจรจาของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน–อินเดียสมัยพิเศษ เพื่อเร่งผลักดันการทบทวนความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–อินเดีย (AITIGA) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 ขยายช่องทางการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดอินเดียที่มีการเติบโตสูง
8. เผยแพร่ผลการศึกษา “Trade Diversion” ช่วยรัฐ–เอกชนกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับ โอกาสการเบี่ยงเบนเส้นทางการค้า (Trade Diversion) จากการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลกและมาตรการภาษี จนทำให้เกิดการไหลบ่าของสินค้านำเข้า (import flooding) เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบายของภาครัฐ และเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์สำหรับภาคเอกชนไทย
9. ดันเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ตลาดโลก ด้วย Pop-up Counter “Nature for Future” ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ผลักดันสินค้าเกษตรนวัตกรรม เช่น เม็ดฟู่สมุนไพรกลิ่นผลไม้ไทย และครีมบำรุงจากข้าว ผ่าน Pop-up Counter “Nature for Future” เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ทั่วโลก และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เกษตรไทยบนเวทีสากล
ในด้านการทำงาน แม้จะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่อายุน้อย แต่นายฉันทวิชญ์เป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่สามารถทำงานร่วมกับข้าราชการทุกช่วงวัยได้เป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กร โดยนำความรู้และประสบการณ์ของข้าราชการในกระทรวงมาผนวกกับวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ ควบคู่กับการขับเคลื่อนงานแบบเน้นผลลัพธ์มากกว่าพิธีการ
เพียง 2 เดือนแรกบนเส้นทางการเมือง “ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” ได้ผลักดันงานด้านต่างประเทศและกลยุทธ์ของกระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ธุรกิจและประชาชนไทย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีที่ยืนอย่างแข็งแกร่งบนเวทีการค้าโลก







